สุดจะทน!! "นักข่าวดัง" โพสต์เดือดถึงชุดสะกดรอย "ธัมมชโย" แถมซัด DSI ถึงขั้นหน้าชา รักษาหน้าประเทศด้วย!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีที่ในขณะนี้มีพระวัดพระธรรมกายได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาครบทุกรูป รวมถึงระธัมมชโยด้วย โดยตลอดระยะเวลาที่มีทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้มีหมายตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ก็ยังไม่พบตัวของพระธัมมชโยแต่อย่างใด กระทั่งมีกระแสข่าวออกมาว่าอาจจะหลบหนีออกไปนอกประเทศแล้วนั้น 

ต่อมาเฟซบุ๊ก จตุรงค์ สุขเอียด ได้ระบุข้อความว่า 

การดักฟัง เป็นเครื่องมือหนึ่งของจนท.ไทย ผมเคยร่วมงานกับจนท.ตำรวจ ที่ยอมรับว่าในบางคดีได้ข้อมูลการเคลื่อนไหว รู้ทางมาจากการเฝ้าฟังการพูดคุยโทรศัพท์ แม้วิธีการนี้จะผิดกฎหมายและไม่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในทางศาลได้ เพราะได้ข้อมูลมาโดยมิชอบแต่ก็มีการทำกันอยู่จนทุกวันนี้ โดยเฉพาะกรณีมีการติดตามบุคคลในคดีหรือบุคคลต้องสงสัยเป็นปรปักกับบ้านเมืองครับ

 

ขณะที่ครั้งหนึ่งผมไปสัมภาษณ์นายตำรวจท่านหนึ่ง ปัจจุบันเกษียณราชการไปแล้ว ครั้งนั้น ท่านเห็นว่าผมทำงานข่าวแนวสืบสวนสอบสวนด้วย จึงได้หยิบกล่องหนึ่งมาให้ ภายในเป็นเครื่องดักฟังเคลื่อนที่ ท่านอธิบายว่า ซื้อมาจากไต้หวัน เพื่อฟังบุคคลกลุ่มหนึ่ง เครื่องนี้ เป็นกล่องขนาดกล่องไม้ขีดไฟ มีช่องเสียบซิบการ์ดมือถือ แล้วสวิตข้างๆ หมายถึงหากไปซื้อซิมการ์ดมา แล้วก็เสียบเข้าไป แล้วนำไปวางหรือติดตั้งไว้ที่บ้านไหน จุดที่ต้องการจะฟังการสนทนาของใครก็ตาม ก็ให้ใช้มือถืออีกเครื่องกดเข้าไปตามหมายเลขซิมการ์ด ก็จะรับอัตโนมัติ เหมือนเราโทรเข้าไปหามือถืออีกเครื่องหนึ่ง หากมีการพูดคุยในรัศมีของความถี่ก็จะได้ยินเสียง ถ้าสำคัญก็บันทึกไว้เป็นข้อมูล แต่ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย และเสียงดังกล่าว ทางศาลถือว่า ไม่น่าเชื่อถือเพราะได้มาโดยมิชอบแล้ว ต้องพิสูจน์แถบเสียงด้วยว่า ไม่ใช้ให้คนทำเสียงเลียนคนคนนั้นอีกที แต่ใช้เพื่อจับคนร้ายได้ถูกทาง ส่วนจะชอบไม่ชอบ ก็อาจเอามาซ้อมให้รับได้ นั่นยืนยันว่า การดักฟังมีอยู่ครับ
 


นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการปฎิวัติใหม่อดีตเจ้านายผมบอกว่า มีเครื่องโบบายเคลื่อนที่คล้ายรถถ่ายทอดสดของโทรทัศน์ไปจอดแถวบ้าน พอดีว่า ท่านเคยทำงานกับทหารเหล่านี้จึงจำได้ว่า เป็นรถโมบายดักฟังสัญญาณ เพราะช่วงนั้นท่านไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง จึงแกล้งเดินไปทักทายคนในรถว่า เอ้ย มึงมาดักฟังกูเหรอ......

ขณะที่ที่ผมไปดีเอสไอ บ่อยมาก จนวันหนึ่งพอกับจนท.ระดับหัวหน้าศูนย์คนหนึ่งที่โรงอาหาร เขาแนะนำว่า ชื่อแดง ผมเรียกพี่แดง แต่ตอนนี้ย้ายไปแล้วครับ แกบอกว่า อยู่ศูนย์สะกดรอยและติดตาม ผมก็หา มีหน่วยนี้ด้วยหรือ เลยถามว่า ทำงานอย่างไร เขาว่าก็คล้ายคนซุ่มถ่าย ติดตาม สะกดรอย คนบางคน ในคดีบางคดีเพื่อนำมาให้ทีมสืบสวนเขาประกอบ การเคลื่อนไหวหาหลักฐานได้ง่ายขึ้น เช่นอะไร เขาก็เล่ามา
แต่ผมไม่แน่ใจว่า ปัจจุบันศูนย์นี้ยุบไปแล้วหรือยัง
หากยังก็สงสัยว่าแม้วิธีการดังกล่าวจะผิดกฎหมาย และไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทย จนท.บางหน่วยยังหาข้อมูลแบบนี้อยู่
 

จึงมาที่วัดพระธรรมกายบ้างว่า หากรู้ทั้งรู้ว่า พระธัมมชโย ทำผิดกฎหมาย ฐานฟอกเงิน รับของโจรและยักยอกทรัพย์ และการเข้าถึงตัวทำไม่ได้ง่ายๆ ก่อนจะประกาศออกสื่อว่าไปปิดวัดแล้วนะ ทำไม ไม่ให้ชุดสะกดรอย หรือชุดดักฟัง ฟังบุคคลใกล้ชิดของพระธัมมชโยก่อนบ้าง ว่า จะทำอะไร หนีไปไหน หรือจะไปกบดานส่วนไหนของวัด หรือนอกวัดพระธรรมกาย


ทั้งที่ ผมคิดว่าจนท.เองก็รู้ว่า ใครที่น่าจะอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนบ้าง หากมีการฟังกลุ่มนี้ก็น่าจะได้เบาะแสของพระธัมมชโย โดยไม่ต้องเสียงบประมาณมากมายไปกำลังพลมาไปเฝ้าอยู่หน้าประตูวัด แล้วบอกว่า ไม่รู้พระธัมมชโยหายไปทางไหน

 

สุดจะทน!! "นักข่าวดัง" โพสต์เดือดถึงชุดสะกดรอย "ธัมมชโย" แถมซัด DSI ถึงขั้นหน้าชา รักษาหน้าประเทศด้วย!!


กรณีนี้ก็โชคดีที่ ว่า ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอ ได้ไล่ออกจนท.2ราย ที่มีข่าวว่า รับเงินจากนายศุภชัย เพื่อให้ความช่วยเหลือไปถึง 40 ล้านบาทแล้ว และเมื่อ2สัปดาห์ก่อนที่ผมไปสัมภาษณ์ท่านรองอธิบดีก็ย้ำว่า เราเอาจริง และยังไล่ออก 2 คนดังกล่าวไปแล้วว่า ทุจริตต่อหน้าที่
ผมคิดว่า การดักฟัง ยังเป็นเครื่องมือโดยทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ การดักฟังคนในวัดพระธรรมกายที่ช่วยเหลือพระธัมมชโย แบบลับๆดักฟังแบบลับๆที่เคยฟังผมหรือใคร บ้างที่ การจะหาว่า ตอนนี้พระธัมมชโยอยู่ที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ต้องพานักข่าวไปตระเวนหาให้ยุ่งยากอีกต่อไป ......
รักษาหน้าประเทศด้วยการทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์กับทุกๆคนเถอะครับ 

 

ขอบคุณข้อมูล จตุรงค์ สุขเอียด 

เรียบเรียง รัตติยา เสสันเทียะ