ไม่ต้องแบมือขอใคร!! "หนุ่มใหญ่" พิการแขน-ขา ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เหมือนคนอื่น พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคน อ่านแล้วสุดกลั้นน้ำตา!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

ผู้สื่อข่าว จ. ตรัง เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 24 ม.9 ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรังซึ่งเป็นบ้านอยู่อาศัยของนายกุมภีร์ นารี หรือ ช่างหู วัย 40 ปี หนุ่ม มือ 2 ข้าง เท้าข้างขวา 1 ข้าง พิการ  ผู้ไม่เคยย่อท้อ สู้ชีวิตจนคนร่างกายปกติทั่วไปต้องยอมรับ   อีกทั้งยังสามารถประดิษฐ์มือเทียมขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างน่าอัศจรรย์ และใช้งานอย่างคล่องแคล่วในการประกอบอาชีพรับจ้างเชื่อมเหล็ก โครงหลังคา ทำเฟอร์นิเจอร์ รับซื้อของเก่า หมาก และ มะพร้าว ส่งขายตามความต้องการของลูกค้า ทำให้มีรายได้เลี้ยงดูพ่อแม่ และ ครอบครัว ไม่ยอมก้มหัวยอมแพ้ ให้เป็นภาระกับสังคม

นายกุมภีร์ หรือ ช่างหู  เล่าว่า เดิมทีตน เป็นชาว ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง แต่ย้ายภูมิลำเนามาอยู่กับครอบครัวหลังจากแต่งงานอยู่กินกับนางสาวมณีรัตน์ ชูยัง ผู้เป็นภรรยาเป็นเวลาเกือบ 6 ปี  

 

ไม่ต้องแบมือขอใคร!! "หนุ่มใหญ่" พิการแขน-ขา ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เหมือนคนอื่น พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคน อ่านแล้วสุดกลั้นน้ำตา!!

 

แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง อุบัติเหตุชีวิตเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว ขณะตนไปรับซื้อหมากสดมาจากต้นเพื่อทำหมากแห้ง เป็นช่วงเก็บหมากใกล้เสร็จแล้วกำลังจะกลับ ระหว่างนั้นตนไปยืนหลบร้อนพิงต้นหมาก ปลายต้นหมากเอนไปตามกระแสลมโดนสายไฟฟ้าแรงสูงเกิดช็อตจนตนล้มลงแบบตั้งตัวไม่ทัน ตอนแรกคิดว่าโดนใครถีบให้ล้ม จึงลุกขึ้นแล้วเอามืออีกข้างไปคว้าต้นหมากต้นเดิมแล้วล้มลงอีกครั้ง รอบๆตัวมีไฟไหม้พงหญ้าแห้งล้อมตัว ตอนนั้นตนรู้สึกตัวตลอด แต่มีอาการชามือทั้ง 2 ข้าง และเท้าข้างขวาลุกขึ้นไม่ไหว จึงเรียกเพื่อนมาช่วย เพื่อนก็มาช่วยยกออกจากกองไฟ แล้วพามารักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง ตอนนั้นนอนพักรักษาตัวอยู่ประมาณ 3 เดือนกว่า ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่มือทั้งสองข้างตอนนั้นก็แห้งดำไม่มีความรู้สึกใช้การไม่ได้ จึงปรึกษากับแพทย์เจ้าของไข้ แพทย์ก็แนะนำว่าน่าจะต้องตัดมือทั้ง 2 ข้าง ตนก็บอกว่า ตัดก็ตัด เพราะทำใจได้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เพราะมือไม่มีความรู้สึก ใช้การไม่ได้และก็ไหม้เกรียมหมดแล้ว 

 

ไม่ต้องแบมือขอใคร!! "หนุ่มใหญ่" พิการแขน-ขา ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เหมือนคนอื่น พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคน อ่านแล้วสุดกลั้นน้ำตา!!

 หลังจากนั้น หมอวินิจฉัยตัดให้จนถึงข้อมือทั้ง 2 ข้าง แล้วส่งไป รพ.สงขลานครินทร์ (มอ.)ได้มือเทียมมา 2 ข้าง ราคาประมาณ 100,000 บาท แต่ต้องจ่ายจริง 10,000 บาท ใช้งานไปได้ประมาณ 3 เดือน มือเทียมก็หัก จึงไปติดต่อที่ รพ.สงขลานครินทร์ อีกครั้งหมอบอกว่าต้องรอประมาณ 2 ปี ตนก็กลับมาคิดว่าถ้าอยู่เฉยๆคงไม่ได้ เพราะต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชรา จึงลงมือประดิษฐ์มือเทียมขึ้นมาเอง ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง จึงได้มือแบบนี้มา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 4,000 -5,000 พันบาท ตอนนี้ตนก็ทำงานได้ปกติ คุณภาพงานทั้งรับเชื่อมเหล็ก งานเฟอร์นิเจอร์ก็ยังคงคุณภาพเหมือนเดิม เพียงแต่อาจใช้เวลานานกว่าเดิมเล็กน้อย ทุกวันนี้ใช้มือจับช้อน จับแก้วน้ำ และกระดิกนิ้วมือเทียม ได้เองโดยไม่ต้องเป็นภาระใคร ในส่วนของเครื่องมือช่างมีคนอื่นช่วยบ้าง และที่สำคัญมีภรรยาผู้เป็นที่รัก คอยดูแลช่วยเหลือ และให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เสมอ ทำให้ตนมีแรงที่จะต่อสู้ต่อไป

 

ไม่ต้องแบมือขอใคร!! "หนุ่มใหญ่" พิการแขน-ขา ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เหมือนคนอื่น พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคน อ่านแล้วสุดกลั้นน้ำตา!!

 

นายกุมภีร์ หรือ ช่างหู  เล่า ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่าสำหรับ มือที่ตนออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมาด้วยมือตัวเองนั้นใช้เหล็กสแตนเลส เชื่อมเป็นรูปมือและนิ้วสวมด้วยสายยาง ส่วนแขนใช้พลาสติก ซุปเปอร์ลีน ไปหล่อขึ้นมาเอง ขันน๊อตผูกโยงกับเชือกไนล่อน และยังมีท่อพีวีซี  น้ำหนักประมาณข้างละ 0.5 กิโลกรัม ซึ่งจนถึงขณะนี้ใช้งานมาแล้วประมาณ 1 ปีเศษ และคิดว่าน่าจะใช้งานได้ยาวนาน   และสามารถใช้แทนมือที่ต้องสูญเสียไปทั้งสองข้างได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นายช่างหู ฯ ชายพิการสู้ชีวิต  ได้พูดทิ้งท้ายว่าขอฝากเป็นไปกำลังใจไปถึงผู้พิการทุกคน “อย่าท้อ ค่อยแพ้เวลาหมดลม มีลมหายใจอยู่ไม่ต้องกลัวอะไร” เราต้องช่วยตัวเองก่อนจะได้ไม่ต้องเป็นภาระกับสังคม

 

ไม่ต้องแบมือขอใคร!! "หนุ่มใหญ่" พิการแขน-ขา ฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ชีวิตแม้ร่างกายไม่เหมือนคนอื่น พร้อมฝากกำลังใจถึงทุกคน อ่านแล้วสุดกลั้นน้ำตา!!

 

นางสาวมณีรัตน์ ชูยัง ผู้เป็นภรรยา นายกุมภีร์ ฯ หรือ ช่างหู  กล่าวว่า สามีตนเป็นคนขยัน ทำมาหากิน จะคิดตลอดเวลาว่าทำอะไรแล้วได้เงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ตื่นแต่เช้าทุกวัน ตนจะเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวให้ และออกไปทำงานด้วยตนเองทำอย่างเท่าที่ทำได้ บางครั้งตนก็ไปด้วย บางครั้งก็ไปกับน้องชาย และอาจจะไปด้วยกันทั้ง 3 คน หลังจากเกิดอุบัติเหตุจนทำให้สามีต้องกลายเป็นคนพิการตนก็ไม่เคยคิดทอดทิ้งไปไหน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสามีตนไม่เคยทำตัวเป็นภาระแถมยังให้กำลังใจตลอดเวลา ในการประกอบอาชีพถ้างานใดที่ทำเองได้ก็จะทำ ถ้าทำไม่ได้เพราะไม่มีมือที่แข็งแรงพอก็จะบอกให้คนอื่นทำแทน ทำให้ตนและครอบครัวไม่รู้สึกหนักใจ ส่วนความสูญเสียมือ 2 ข้างและ เท้า 1 ข้างของสามี ต้องยอมรับเพราะอาจเป็นโชคชะตาแต่ไม่คิดเคยยอมแพ้ จะอยู่ดูแลกันและกันตลอดไป​

 

ภาพ/ข่าว ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง