ทลายล็อตใหญ่!! สตง.จับมือ ผวจ.ประจวบฯ บุกตรวจสารบีทีเถื่อน แอบซุกเมรุร้าง  มูลค่ากว่า 50 ล้าน ชี้เป็นวัตถุอันตราย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

  • วันที่ 11 เมษายน 2560 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พร้อมด้วยผู้ตรวจเงินแผ่นดินภาค 12 จ.เพชรบุรี และ คณะเจ้าหน้าที่เดินทางมาร่วมประชุมกับนายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมชั้น 4 ศาลากลางจังหวัด เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหากรณีพบสาร บีที ซึ่งใช้กำจัดแมลงดำหนามในสวนมะพร้าว มูลค่า 32.8 ล้านบาท ถูกเก็บไว้เป็นจำนวนมากในห้องประชุมอำเภอเมือง และพบสารชนิดเดียวกันมูลค่า 24 .7 ล้านบาท ถูกกองไว้ในเมรุร้าง ที่วัดนาหูกวาง อ.ทับสะแก นานกว่า 5 ปี จนหมดอายุการใช้งานหลังจากเมื่อปีงบประมาณ 2555 มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินเพื่อจัดซื้อสาร บีที แต่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งว่า บริษัทคู่สัญญาได้นำสินค้าที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตร และ ไม่ได้แจ้งเพื่อดำเนินการผลิต จึงไม่สามารถนำมาจำหน่ายกับทางราชการได้
  • ทลายล็อตใหญ่!! สตง.จับมือ ผวจ.ประจวบฯ บุกตรวจสารบีทีเถื่อน แอบซุกเมรุร้าง  มูลค่ากว่า 50 ล้าน ชี้เป็นวัตถุอันตราย

ต่อมานายพิศิษฐ์ พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจสอบการเก็บสาร บีที จำนวนมาก ภายในหอประชุมอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการล้อมรั้วลวดหนามหีบเพลงและมีการปิดประกาศเป็นเขตห้ามเข้า จากนั้นผู้ว่า สตง ได้ดูฉลากข้างขวดและใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทที่ติดอยู่ข้างขวดสาร บีที แต่ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว นอกจากนั้นยังพบพิรุธจากการจัดซื้อ อ.เมือง และ อ.ทับสะแก พบ 2 บริษัทใช้ขื่อต่างกัน แต่มีฉลากสินค้าชนิดเดียวกัน มีที่ตั้งในสถานที่เดียวกัน อาจเข้าข่ายการฮั้วประมูล ขณะนี้คดียังไม่หมดอายุความ ดังนั้นจะสอบปากคำข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าชี้แจง ทั้งนี้การตรวจสอบพบว่าหน่วยงานระดับจังหวัดไม่มีการแจ้งเวียนรายชื่อบริษัทผู้ขายสินค้าทิ้งเนื่องจากทั้ง 2 อำเภอไม่มีการจ่ายเงินเพื่อซื้อขาย ทำให้ชาวสวนมะพนร้าวขาดโอกาสและได้รับผลกระทบจากการบาดระบาดของแมลง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล

ทลายล็อตใหญ่!! สตง.จับมือ ผวจ.ประจวบฯ บุกตรวจสารบีทีเถื่อน แอบซุกเมรุร้าง  มูลค่ากว่า 50 ล้าน ชี้เป็นวัตถุอันตราย

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดเร่งหาวิธีการกำจัดสารดังกล่าวเพื่อไม่ให้มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกับเมืองท่องเที่ยว ซึ่งไม่ควรมีขยะพิษเก็บไว้ใจกลางเมือง ทั้งที่หอประชุมอำเภอควรนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า ไม่ควรปล่อยให้เอกชนใช้เพื่อเก็บวัตถุอันตราย หากจังหวัดดำเนินการล่าช้า สตง .จะเสนอ คสช.และ ศอ.ตช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งการต่อไป และ จะต้องเรียกค่าใช้จ่ายในการสารพิษไปทำลายจากบริษัทที่นำสาร บีที มาเก็บไว้ ขณะที่พบว่าขณะนี้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่มีการกำหนดสถานที่เก็บวัตถุอันตราย จากนั้นจะมีการตรวจสอบย้อนหลังในปีงบประมาณ 2553 -2554 พบว่ามีใช้เงินทดรองราชการจากการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดซื้อซื้อสาร บีที กว่า 198 ล้านบาทแจกจ่ายให้เกษตรกรว่ามีหน่วยงานใดให้การรับรองสินค้า ซึ่งจะต้องสอบถามรายละเอียดจากกรมวิชาการเกษตรว่าเหตุใดมาทักท้วงในปีงบประมาณ 2555 

ทลายล็อตใหญ่!! สตง.จับมือ ผวจ.ประจวบฯ บุกตรวจสารบีทีเถื่อน แอบซุกเมรุร้าง  มูลค่ากว่า 50 ล้าน ชี้เป็นวัตถุอันตราย

ทลายล็อตใหญ่!! สตง.จับมือ ผวจ.ประจวบฯ บุกตรวจสารบีทีเถื่อน แอบซุกเมรุร้าง  มูลค่ากว่า 50 ล้าน ชี้เป็นวัตถุอันตราย

ภาพ/ข่าว  ศวิษฐ สำราญรมย์   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์  จ.ประจวบคีรีขันธ์