- 18 มิ.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ไปดูตัวอย่างของเกษตรกรชาวจ.สงขลา ที่แม้ว่าราคายางพาราจะผัวผวนหรือตกต่ำอย่างไรแต่ก็ไม่เดือดร้อนเนื่องจากใช้วิธีปลูกพืชแซมในร่องยางพาราเป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากยางพารา
เกษตรกรชาวสวนยางท่านนี้คือ นายหมัดหนอด ชิตวงษ์ หรือบังหนอด อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 169 หมู่ 4 บ้านชายควน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งปลูกต้นกะพ้อแซมในสวนยางพารา เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มาเกือบ 30 ปี จนปัจจุบันสามารถตัดยอดขายได้ตลอดทั้งปี ช่วงปกติจะหมุนเวียนตัดอาทิตย์ละประมาณ 200 ยอด ส่งขายยอดละ 2 บาท แต่หากส่งไปขายยังประเทศมาเลเซียจะมีราคาเพิ่มขึ้นถึงยอดละ 5-7 บาทเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลงานบุญทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามเช่นในช่วงปลายเดือนนี้ซึ่งกำลังย่างเข้าสู่เทศกาลฮารีรายอ แต่ละวันจะตัดขายประมาณ 1,000-2,000 ยอดเลยที่เดียวแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการเนื่องจากนำไปห่อขนมต้มและขนมพื้นบ้านพื้นเมืองต่างๆ
บังหนอด บอกว่า แรกเริ่มที่ปลูกต้นกะพ้อถูกมองว่าบ้าเพราะต้นกะพ้อเป็นพืชป่าที่ขึ้นอยู่เต็มตามป่าเขา และตนเป็นคนแรกในต.ปาดังเบซาร์ ที่ปลูกต้นกะพ้อ แต่ปัจจุบันต้นกะพ้อตามป่าเขาเริ่มลดลงและเหลือน้อยเต็มที ทำให้ยอดกะพ้อมีราคาสูงขึ้นและกลายเป็นไม้ยืนต้นที่สามารถสร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดีเพราะแทบจะไม่มีใครปลูกต้นกะพ้อเต็มสวนยางพาราขนาดนี้
บังหนอด ยังบอกถึงแรงบันดาลใจที่หันมาปลูกต้นกะพ้อว่า ครั้งหนึ่งเคยดูโทรทัศน์เห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงแนะนำเรื่องพืชสีเขียวและเศรษฐกิจพอเพียงจึงได้แรงบันดาลใจ หันมาปลูกต้นกะพ้อแซมในสวนยางพารา จนถึงวันนี้สามารถทำให้เห็นแล้วว่ามันมีประโยชน์และสร้างรายได้จริง และสิ่งที่ภาคภูมิใจคือตนเป็นคนแรกในปาดังค์เบซาร์ที่ปลูกต้นใบกะพ้อขาย จนมีหน่วยงานของไทยและมาเลเซียเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง
ภาพ/ข่าว นภาลัย ชูศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สงขลา