เกษตรจันทบุรี!! พร้อมเกษตรอำเภอ , ผู้นำชุมชน , ผู้นำท้องถิ่น ทำการประมูลผลผลิตมังคุดของสมาชิก จนสำเร็จ สร้างแรงจูงใจนำมาพัฒนา (มีคลิป)

ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.พลับพลา อ.เมือง จ.จันทบุรี นายปิยะ สมัครพงษ์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตร จ.จันทบุรี พร้อมเกษตรอำเภอ ,ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น,นำกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ อ.เมืองจันทบุรี ทำการประมูลผลผลิตมังคุดของสมาชิก เพื่อรวมกันขายผลผลิต ให้มีอำนาจต่อรองทางการตลาด หลังจากในช่วงสัปดาห์นี้ มังคุดราคาดิ่งลงสุดในรอบปี ด้านนายปิยะ สมัครพงษ์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตร จ.จันทบุรี  เปิดเผยว่า จากความสำเร็จด้านการตลาดของมังคุดแปลงใหญ่ อ.เขาคิชฌกูฎ จ.จันทบุรี เรื่องการพัฒนาด้านการตลาดด้วยการใช้ระบบประมูลกับล้งผู้รับซื้อ ที่ไม่ใช่การขายผลผลิตให้พ่อค้ารายใดรายหนึ่ง เป็นโมเดลสำคัญของการทำแปลงใหญ่มังคุดใน จ.จันทบุรี

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้แปลงใหญ่มังคุด อ.เขาคิชฌกูฎ กลายเป็นแหล่งสร้างแรงจูงใจให้แปลงใหญ่อำเภอเมือง นำโมเดลการประมูลมังคุดมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาเรื่องการตลาดของกลุ่มโครงการเกษตรแปลงใหญ่ มุ่งปรับเปลี่ยนระบบการส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรรายย่อย มาสู่การรวมกลุ่มที่สามารถใช้เครื่องมือ เครื่องจักรกลมาช่วยในการผลิต เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น มีความสามารถในการจัดการการผลิตผลผลิตอย่างมืออาชีพ ทำให้คุณภาพสินค้าได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน สามารถเข้าถึงการตลาดและมีอำนาจต่อรองทางการตลาดสูงขึ้น และการประมูลผลผลิตมังคุดของสมาชิก แต่ละครั้งจะได้ราคาที่สูงขึ้นกว่าท้องตลาดร้อยละ 10 ขณะที่ ราคาผลผลิตมังคุดล่าสุด ได้ตกต่ำสุดในรอบฤดูกาลผลิตปีนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 40 บาทต่อกิโลกรัม และสัปดาห์นี้ ราคามังคุดผิวมัน อยู่ที่ 20-21 บาทต่อกิโลกรัม,คละรวม อยู่ที่ 13-17 บาทต่อกิโลกรัม แล้วแต่พื้นที่ ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนมังคุดเป็นอย่างมาก

นายปิยะ สมัครพงษ์  ยังเปิดเผยอีกว่า สำหรับผลผลิตมังคุด ที่กำลังประสบปัญหาราคาตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่จะออกสู่ตลาด หรือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ จากผลผลิตทั้งหมดในปีนี้ ที่คาดว่าจะทยอยออกในช่วงอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งได้ปะดังกันออกมามาก ประกอบกับล้งรับซื้อ ได้นำมังคุดจากทางภาคใต้ขึ้นมาสบทบในพื้นที่ จันทบุรี เนื่องจากลดต้นทุนในการเปิดล้งใหม่ในภาคใต้ จึงทำให้ผลผลิตมีปริมาณมากและอายุการเก็บรักษาน้อย เกษตรกรจึงนำออกมาขาย เนื่องจากลัวว่าผลผลิตจะเสียหาย จนเกิดภาวะล้นตลาด และผลกระทบเรื่องปัญหาแรงงาน ที่มีผลเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งในช่วงที่รอการแก้ปัญหา จากทางภาครัฐ เบื้องต้น เกษตรกรควร บริหารจัดการผลผลิตด้วยตนเองก่อน โดยการทยอยเก็บมังคุดแก่ ส่งขายภายในตลาดขายปลีก เพื่อลดปริมาณมังคุดให้น้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอยากให้เกษตรกรเห็นความสำคัญของการรวมกลุ่ม เพื่อรวมกันขายผลผลิต ซึ่งจะทำให้มีอำนาจต่อรองทางการตลาดได้มากขึ้น

ภาพ/ข่าว ปริญญา เกษราธิกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.จันทบุรี