โดนหนัก!! ชายควงอีโต้ ยอมจำนน หลังจับเจ้าของร้านจยย.พร้อมพวก 4 คน เป็นตัวประกันนานกว่า 4 ชม. ตร.ตั้ง 3 ข้อหาหนัก บุกรุก กักขังหน่วงเหนี่ยว

 

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 9 สิงหาคม ที่ร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า (ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชูโชคชัย 1992) อาคารเลขที่ 16-18-20-22 ถนนแปดวา เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดเทศบาล 4 และตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดอุตรดิตถ์ พบชายทราบชื่อภายหลังว่า นายสุชาติ  ธุระหาร อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/1 หมู่ 3 ต.ถ้ำน้ำยอด อ.เมือง จ.พังงา เกิดอาการเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุ พกมีดใช้มีดอีโต้ มีขนาดความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร จำนวน 2 เล่ม ใส่กระเป๋าสะพายสีเทา ออกมาบังคับเจ้าของร้านและสมาชิกภายในร้าน รวมจำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายพูลศัก ดิ์ ชูพานิชสกุล  อายุ 56 ปี เจ้าของร้าน พร้อมด้วยลูกชาย และลูกค้าซึ่งกำลังเข้ามาติดต่อสั่งซื้อรถจักรยานยนต์ เพื่อไปจำหน่าย รวมถึงเจ้าหน้าที่รับออเดอร์สั่งของจาก บริษัทฮอนด้า จำกัด ยึดไว้เป็นตัวประกันไม่ให้หนีไปไหนภายในห้องทำงานส่วนตัวเจ้าของร้าน สร้างความแตกตื่น ความตะหนกตกใจต่อพนักงาน ลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่พบเห็น

ต่อมา  พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์  พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ มาถึงที่เกิดเหตุเพื่อทำการควบคุมเหตุการณ์ในพื้นที่ด้วยการปิดถนนสายแปดวา และกันบุคคลไม่เกี่ยวข้องออกไป จากนั้น พ.ต.อ. ดิษยเดช เข้าเจรจากับชายคนดังกล่าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือโดยมีห้องกระจกปิดกั้นเอาไว้ ซึ่งนายสุชาติไม่แจ้งความประสงค์และสาเหตุที่ต้องการในครั้งนี้ พร้อมนำกระเป๋าสะพายที่มีอยู่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบความบริสุทธิ์ ถึงอาการเครียดที่เกิดขึ้นและไม่เกี่ยวกับการติดยาเสพติดหรือเสพยามา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ 

จากการตรวจค้นภายในกระเป๋ามีพระเครื่องสมเด็จ จำนวน 2 องค์ โทรศัพท์มือถือ 2 ครื่อง พร้อมมีดทำครัว 1 เล่ม โดยเจ้าของร้านขายรถจักรยายนต์เดินออกมาดูการตรวจดูการค้นภายในกระเป๋าของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะกลับไปแจ้งให้นายชาติรับทราบว่าไม่มีสิ่งของผิดกฏหมายตามที่เจ้าตัวบอกไว้ โดยเฉพาะเรื่องยาบ้า ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้เสพมา แต่เกิดจากความเครียดเรื่องที่ภรรยาหนีไป

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายสุชาติ ได้เดินทางไปเยี่ยมหาภรรยาที่จังหวัดพะเยา แต่ไม่เจอภรรยา เชื่อว่าภรรยาหนีไปอยู่ที่อื่น จึงลงมาที่จังหวัดอุตร ดิตถ์ นอนพักกับเพื่อนที่ชื่อสายัณย์ซึ่งเป็นคนใต้ด้วยกัน แต่มีบ้านพักอยู่ที่ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เวลา 1 คืน เพื่อเก็บแรงตามหาภรรยาต่อในวันรุ่งขึ้น ในช่วงเวลาเช้ามีคนพบเห็นนายสุชาติเดินทางไปที่ตลาดเทศบาล 3 แวะซื้อมีดอีโต้ชนิดมีด้าม ขนาดความยาวประมาณเกือบ 1 เมตร จำนวน 2 เล่ม ห่อหุ้มด้วยกระดาษสีน้ำตาลแล้วใส่ลงในกระเป๋าสะพาย 

จากนั้นเดินลัดเลาะมาถึงบริเวณหน้าร้านมอเตอร์ไซด์ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจผ่านมา คิดว่าจะถูกจับกุมหรือคิดร้าย จึงวิ่งเข้า ไปภายในร้านมอเตอร์ไซด์ทันที และเดินเข้าไปตรงหน้าเค้าเตอร์ในขณะที่พนักงานกำลังปิดประตูกระจก ร้องขอหลบอยู่ในร้านชั่วคราวโดยเดินไปที่ห้องทำ งานของนายพูลศักดิ์ เจ้าของร้าน ช่วงกำลังนั่งคุยอยู่กับลูกค้าและเจ้าหน้าที่รับออเดอร์จากบริษัทฮอนด้าซึ่งมีลูกชายเจ้าของร้านอยู่ด้วย ทั้งหมดต่างตกใจขณะเดียวกันพนักงานและลูกจ้างที่อยู่ภายร้านต่างหาทางออกนอกร้านทันทีพร้อมเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เพื่อหาทางช่วยเจ้าของร้านหากเรียกขอ 

เจ้าหน้าาที่ตำรวจได้สอบถามนายสายันต์ แซ่ลิ้ม อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุชาติ และเป็นคนที่นำมานอนค้างพักที่บ้านด้วยกันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น เล่าให้ฟังว่า เป็นเพื่อนที่รักกันมาก โทรหาปรับทุกข์เดินทางไปหาภรรยาแต่ไม่เจอหนีไปพร้อมลูก จึงชวนมาอยู่พักที่อุตรดิตถ์เอาแรงก่อนตามหากันใหม่ ตกกลางคืนเพื่อนเครียดและทุกข์มากถึงกับหาซื้อเหล้าดื่มกินเพื่อหวังคลายจากปัญหาดังกล่าว แต่ไม่ทราบถึงสาเหตุที่บุกเข้าไปในร้านขายรถมอเตอร์ไซด์

หลังรับทราบปัญหา พ.ต.อ.ดิษยเดช จึงเข้าเจรจากับนายสุชาติทันที โดยพยายามพูดโน้มน้าวให้มีการปล่อยตัวประกันและให้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านโทรศัพท์มือถือและใช้เวลาในการพูดคุยเจรจานานอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุไม่มีทีท่าจะยอมมอบตัว แถมยังแสดงอาการไม่พึงพอใจออกมาอีกมีการนำมีดอีโต้ขนาดความยาวเกือบ 1 เมตร จำนวน 2 เล่ม ออกมาโชว์ให้เห็นเหมือนเป็นการข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้บุกเข้าไป หากบุกเข้าไปตัวประกันอาจได้รับอันตราย พร้อมหาทางโทรศัพท์ติดต่อภรรยาผู้ก่อเหตุ เพื่อช่วยพูดคุยเจรจาด้วย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงติดต่อผ่านผู้เป็นบิดาของนายสุชาติ ซึ่งเจ้าตัวได้พูดคุยกับพ่อแล้วรู้สึกคลายเครียดขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมปล่อยตัวประกันโดยไม่ยอมบอกเหตุผล

กระทั่ง นายประสงค์  อุไรวรณ์ นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ทราบข่าวจึงรุดยังพื้นที่พร้อมขอพูดคุยกับนายสุชาติด้วยตนเอง หลังจากพูดคุยได้ระดับหนึ่งและส่งสัญญาณในทางที่ดี โดยเจ้าตัวพร้อมที่จะยอมรับโทษจากเหตุที่ก่อขึ้นในครั้งนี้ และยอมปล่อยวางอาวุธมีดที่ถือไว้ สร้างความดีใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างมาก 

ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ภายในร้านมอเตอร์ไซด์และด้านนอกหลบออกห่างไปด้วย เนื่องจากไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจจะบุกเข้าชาร์ตถึงตัวหรือทำร้ายร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่อยู่ภายในร้านและนอกร้าน จำนวนกว่า 30 นาย ต่างยอมทำต่างที่ร้องขอ นอกจากนี้ นายสุชาติยังร้องขอให้เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นผู้นำตัวผู้ก่อเหตุออกจากสถานที่แห่งนี้ ไปทำการสอบสวนและขอติดคุกทหาร พร้อมขอขึ้นรถทหารเพื่อเดินทางไปยัง กอ.รมน.จังหวัดอุตรดิตถ์ 

โดย นายประสงค์ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ได้ประสานไปยัง พ.อ.ประสิทธิพงษ์  มูลดี รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 35 เมื่อ พ.อ.ประสิทธิ์พงษ์ เดินทางมาถึงได้เข้าพูดคุยกับนายสุชาติผู้ก่อเหตุทันที ใช้เวลาเพียง 15 นาที พร้อมนำตัวขึ้นรถยนต์กระบะแคบ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎธ-9261 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเครื่องหมาย กอ.รมน.อยู่ที่ด้านข้างของประตูรถทั้ง 2 ด้าน นำตัวไปสอบสวนที่ห้องทำงาน กอ.รมน.ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานกว่า 4 ชั่วโมงจึงยุติลงส่งผลทำให้ประชาชนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ระทึกครั้งนี้ต่างโล่งอก ที่ไม่มีเหตุการร้ายใดเกิดขึ้น ทุกคนต่างกล่าวสาธุถ้วยหน้ากัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พ.อ.ประสิทธิพงษ์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอุตรดิตถ์ สอบปากคำพร้อมให้เวลานายสุชาติผู้ก่อเหตุครั้งนี้ได้พักผ่อนคลายความตึงเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ ได้ชี้แจงเรื่องข้อกฏหมายและระเบียบทางราชการให้รับทราบ และจำเป็นต้องนำตัวส่งมอบต่อให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป เจ้าตัวรับทราบพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฏหมาย หากรับสารภาพโทษหนักกลายเป็นเบาและหากไม่เคยรับโทษก็จะได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษตามไปด้วย

โดย พ.อ.สิทธิพงษ์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดอุตรดิตถ์ นำตัวขึ้นรถ และส่งมอบให้กับ พ.ต.อ.ดิษยเดช ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ด้วยตนเอง เพื่อส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.สนิท  น้อยเซ็น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ดำเนินคดีต่อไป ซึ่งพนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวว่า จำนวน 3 ข้อกล่าวหาแก่นายสุชาติทันที ประกอบด้วย ข้อหาบุกรุกอาคารเหคะสถาน , ข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อให้ผู้อื่นไร้อิสระภาพ 

ด้าน นายพูลศักดิ์ เจ้าของร้านรถมอเตอร์ไซด์  กล่าวว่า ไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไร ดูจากเหตุการณ์เจ้าตัวไม่ประสงค์ทำร้ายคนภายในร้าน อีกทั้งมีการพูดคุยด้วยวาจาที่สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ตนพร้อมลูกชาย ลูกค้าและตัวแทนจากบริษัทฮอนด้า รู้สึกสบายใจ และเชื่อใจว่าจะไม่ถูกทำร้าย จะมีบ้างตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยเจรจา เจ้าตัวรู้สึกหวั่นและกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย จึงถือมีดเดินไปมา เพราะเกรงจะถูกทำร้าย แต่เหตุการณ์ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ปกครองและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยพูดคุยเจรจาจนทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดเกิดขึ้น ถือเป็นความโชคดีกับทางร้านอย่างมาก 

ภาพ/ข่าว สมภพ  สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.อุตรดิตถ์