การตลาดต้องเจ๋ง!! ร้านค้า-น้ำดื่มชุมชน รมช.พาณิชย์ แนะวิธีการ!!กองทุนหมู่บ้านชุมชนเน้นสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากรูปแบบประชารัฐ(มีคลิป)

วันที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. ที่โรงแรมสีมาธานี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์มา ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ได้มาติดตามการดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน เพื่อความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐในจังหวัดนครราชสีมา โดยผู้เข้าประชุมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของกองทุนหมู่บ้านฯ พร้อมทั้งประธานฯเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระดับจังหวัด ของภาคอีสาน 20 จังหวัด ประธานเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระดับอำเภอ 30 อำเภอ พร้อมทั้งผู้บริหารสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯ (สทบ.) และ สทบ.สาขาในภาคอีสานทั้ง 5 สาขา และผู้แทนหน่วยงานกระทรวงพาณิชย์ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดนครราชสีมาเข้าร่วมประชุม

 

 

นายนที ขลิบทอง นาย นที ขลิบทอง ผู้อำนวยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองในภาพรวมภาคอีสานว่าในปัจจุบัน มีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 34,108 กองทุน แยกเป็นกองทุนหมู่บ้าน 33,104 กองทุน , เป็นกองทุนชุมชนเมือง 892 กองทุน และ เป็นกองทุนชุมชนทหาร 112 กองทุน เงินหมุนเวียนเงินบัญชี จำนวน 85,578.65 ล้านบาท เงินจัดสรรตามโครงการ 35,000 ล้านบาท จำนวน 16,099,289.275 ล้านบาท และที่เป็นกองทุนที่จัดตั้งโดยรัฐบาลปัจจุบัน จำนวน 159 กองทุน เงินออมบัญชีที่ 2 จำนวน 7.934.77 ล้าน บาท ผลกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 6,727.92 ล้านบาท มีสมาชิก จำนวน 5,501.682 คน และกรรมการ จำนวน 408,216 คน เงินสมทบกองทุนจำนวน 2,440.15 ล้านบาท เงินประกันความเสี่ยง จำนวน 806,28 ล้านบาท เงินเฉลี่ยคืน จำนวน 738,02 ล้านบาทเงินบริหารจัดการ จำนวน 1,241.40 ล้านบาท เงินสวัสดิการ จำนวน 1,471.77 ล้านบาท เงินกู้ยืมบัญชีที่ 3 จำนวน 31,551.38 ล้านบาท

 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้อนุมัติเงิน 1 หมื่น 5 พันล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 40 %ของกองทุนทั้งประเทศ จึงจำเป็นต้องมา “เร่งรัด” ให้ผู้บริหารกองทุนฯ รีบดำเนินการภายใน 1 เดือนที่เหลือ เป็นห่วงกองทุนที่เป็น”ร้านค้าชุมชน” กับกองทุน “น้ำดื่มชุมชน” ที่ใช้งบประมาณลงทุนมาก หากไม่มีคนซื้อก็จะขาดทุน ดังนั้นศูนย์ปฏิบัติจังหวัดต้องบริหารและจัดการให้เกิดความเข้มแข็ง อันเป็นการรองรับสวัสดิการภาครัฐที่จะให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะถ้ากองทุนอีก 800 อำเภอเข้มแข็ง ก็สามารถต่อรองในทางธุรกิจได้ทั่วประเทศ ต้องสำรวจความต้องการของประชาชน สำรวจร้านค้าในหมู่บ้าน และร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้ได้ หากสินค้าประชารัฐดีมีคุณภาพราคาถูก ก็สามารถขายได้ อาจการบริการอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก เช่นจัดรถวิ่งเร่ขายหรือบริการส่งสินค้า หรือแม้แต่การขายของด้วยวิธีการจัดให้มีตลาดนัดบ่อยๆ ก็จะเป็นวิถีของคนในชุมชนที่จำเป็นต้องกินต้องซื้อ ดังนั้นโครงการต่างๆ ที่ยังไม่นำเสนอก็ขอให้รีบยื่นเข้ามาเพราะมีโอกาสพิจารณาเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวนับจากวันนี้

ภาพ/ข่าว  นายมานะ แย้มจะบก  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวที่นิวส์ จังหวัดนครราชสีมา