- 24 ก.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
คืบหน้านายทุนบุกรุกครอบครองที่ป่าช้า!!ล่าสุดนายอำเภอท่าชนะนำคณะลงตรวจสอบพื้นที่ พร้อมขอให้มีการประนีประนอมกันระหว่างผู้บุกรุกกับผู้ร้อง โดยอ้างกับผู้ร้องว่าไม่ยากใช้กฎหมายเกรงผู้ร้องจะนอนไม่หลับ
จากกรณีนายปรารภ เหล็กดำ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 197 หมู่ที่ 6 ตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อดีตผู้ช่วยกำนันตำบลสมอทองปี 2540-2543 ได้นำเอกสารพร้อมภาพถ่ายและสำเนาการร้องเรียนเรียกร้องให้ตรวจสอบการบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์(ที่ดินป่าช้าเก่า)ที่พื้นที่มีอยู่กว่า 10 ไร่ แต่ อบต.สมอทองยื่นขอออกหนังสือสำคัญ (นสล) เพียง 5 ไร่เศษและปล่อยให้พื้นที่ประมาณ 4 ไร่เศษถูกนายทุนบุกรุกครอบครองปลูกยางพาราอายุกว่า 2 ปีจำนวนกว่า 4 ไร่เศษ กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุกและเรียกร้องให้เปิดเส้นทางเข้าออกพื้นที่สาธารณประโยชน์ ต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ วันที่ 12 กันยายน 2556 แต่เวลาผ่านไปเกือบ 4 ปี เรื่องจึงวอนสื่อช่วยจนเป็นข่าวออกสู่สาธารณะ ต่อมานายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี( ว่าที่ผู้ว่าราชการคนใหม่จังหวัดสุราษฎร์ธานี) ทราบเรื่อง จึงได้มีคำสั่งให้นายเจริญ เปี่ยวจิตร นายอำเภอท่าชนะเร่งตรวจข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบผลโดยเร็ว
ต่อมาเมื่อวันที่ ( 19 กันยายน 2650 ) นายปรารภ เหล็กดำ พร้อมพวกได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายอวยชัย อินทรนาค ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยยื่นผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านปรากฏว่ามีกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ปรากฏว่า ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่ได้ติดต่อผู้ร้องซึ่งเป็นกลุ่มอดีตผู้นำชุมชนและชาวบ้านให้ทราบเรื่องแต่อย่างใด ซึ่งพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่สร้างความกังขาและเป็นที่น่าสังเกตุว่าอาจมีอะไรที่ไม่ปกติ หรืออาจไปเข้าข้างกลุ่มนายทุนที่มีนักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้หนุนหลัง
ล่าสุดในวันนี้ นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะได้นำเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องลงตรวจสอบพื้นที่ป่าช้าตามคำสั่งนายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการและว่าที่ผู้ว่าราชการคนใหม่สุราษฎร์ธานี โดยมีการประสานงานกับกลุ่มผู้ร้องเข้าชี้จุดและให้รายละเอียดความเป็นมาของพื้นที่ป่าช้า ผลการการเจรจาในเบื้องต้น นายอำเภอท่าชนะได้ขอให้ทางกลุ่มผู้ร้องได้มีการพูดคุยกับผู้บุกรุก โดยระบุว่าไม่ยากใช้กฎหมายกับผู้บุกรุกโดยหวั่นเกรงว่าทางกลุ่มผู้ร้องจะนอนไม่หลับ พร้อมกับดึงตัวแทนกลุ่มผู้ร้องเข้าเป็นคณะกรรมการร่วมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ทางกลุ่มผู้ร้องได้ปฎิเศษ ขอเพียงเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์และติดตามการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เดินในทางที่ถูกต้องเพื่อนำพื้นที่กลับมาเป็นของชุมชนและเปิดเส้นทางเข้าออกที่ป่าช้า โดยขอให้นายอำเภอแต่งตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านเข้าเป็นคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายเจริญ เปลี่ยวจิต นายอำเภอท่าชนะได้ให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวว่าในเบื้อง ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริงตามผู้ร้อง และเอาเรื่องเก่าที่การดำเนินการมาดูรายละเอียด แต่ยังไม่กำหนดเวลาว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นเวลาใดแต่ก็จะพยายามทำให้เร็ว หากพบว่ามีการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ (ป่าช้า) จริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้บุกรุก ซึ่งเรื่องนี้จะรายงายให้นายวิชวุทย์ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ว่าที่ผู้ว่าราชการจังสุราษฎร์ธานีคนใหม่)ทราบต่อไป
ภาพ/ข่าว ณัฐธิดา เริ่มฤกษ์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สุราษฎร์ธานี