- 25 ก.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
นายไชยา สมถวิล นายอำเภอวชิรบารมี จ.พิจิตร เป็นประธานในการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการก่อสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานขยะ ที่จะมีการก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่างพิจิตร โดยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้นที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอวชิรบารมี โดยมีชาวบ้านและผู้นำชุมชนรวมแล้วกว่า 300 คน ที่มาจาก ต.หนองหลุม และพื้นที่ข้างเคียงที่อยู่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งตัวแทนผู้ประกอบการของโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลงแปรรูป(RDF) หรือขยะรีไซเคิล ขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ได้อธิบายชี้แจงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแต่ปรากฏว่ามีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 20-30 คน ออกมายืนชูป้ายข้อความคัดค้าน ว่าไม่ต้องการโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะ เนื่องจากหวาดวิตกว่าจะเกิดมลภาวะด้านอากาศและกลิ่นพร้อมทั้งบอกอีกว่าที่ผ่านมาชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารการดำเนินการมีลักษณะเหมือนคลุมถุงชนจึงได้ออกมาคัดค้านการดำเนินการของ บริษัท ซุปเปอร์เอิร์ธเอนเนอร์ยี 6 จำกัด ทำให้บรรยากาศของเวทีการรับฟังความคิดเห็นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
นางละไม วงศ์รอด ซึ่งเป็นชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลหนองหลุม อำภอวชิรบารมี รวมถึง นายเจตจันทร์ อังกุลดี “สจ.แป๊ะ”ได้กล่าวว่า โดยความคิดเห็นส่วนตัวเห็นด้วยกับโครงการสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวนั้นเพราะว่าขยะที่อยู่ในพื้นที่จะสามารถแปลงเป็นเงินได้รวมถึงทำให้ระบบการจัดเก็บขยะมีประสิทธิภาพ เพราะจะเป็นการนำขยะไปเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งต้องผ่านขบวนการทำเป็นขยะแห้งอัดก้อนเพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ใช่นำขยะเปียกหรือสิ่งของเน่าเหม็นมาเป็นเชื้อเพลิงอย่างที่ชาวบ้านเข้าใจผิดกันไปเอง อีกทั้งได้ไปดูงานมาแล้วในหลายที่ก็พบว่าชุมชนกับโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงแปรรูปหรือขยะรีไซเคิลสามารถอยู่ร่วมกันได้
ในส่วนของ นายประเสริฐ นาคนิคาม อายุ 46 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ของ บริษัท ซุปเปอร์เอิร์ธเอนเนอร์ยี 6 จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า การที่จะมาลงทุนก่อสร้างในครั้งนี้บริษัทเตรียมงบการลงทุนไว้ประมาณ 1,400 ล้านบาท เป็นการสร้างโรงผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงที่มาจากขยะรีไซเคิล ซึ่งจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลดีในเรื่องของการรับซื้อขยะที่เป็นขยะแห้งอัดแท่งผ่านกระบวนการจากโรงขยะต่างๆ นอกจากนี้ขยะก็จะเปลี่ยนเป็นเงินให้กับท้องถิ่นเพื่อนำไปใช้ในการบริหารการจัดเก็บขยะในชุมชน หรือ พูดได้อีกแง่หนึ่งว่า “ขยะเปลี่ยนเป็นเงิน” นอกจากนี้ก็จะมีการจ้างงานคนในท้องถิ่นทำให้มีงานทำอย่างน้อย 60-70 คน ท้องถิ่นก็จะได้เงินภาษีอย่างน้อยปีละ 2-3 ล้านบาท มีเงินกองทุนพัฒนาดูแลในรูปแบบ CSR ในพื้นที่รอบๆนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือตอนล่างพิจิตร อีกอย่างน้อยปีละ 2-3 ล้านบาท โรงผลิตกระแสไฟฟ้าจะเช่าที่ในนิคมอุตสาหกรรมพิจิตรอีก 47 ไร่ ซึ่งก็จะทำให้นิคมฯมีรายได้จากการลงทุนดำเนินกิจการในครั้งนี้อีกด้วย
สิทธิพจน์ เกบุ้ย ข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.พิจิตร