ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีที่ นางกชพรรณ บุญทอง อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.5 ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี มีอาชีพเป็นหมอนวดแผนโบราณอยู่ที่ ได้เข้าไปร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล ที่จ.ปทุมธานีว่า  ลูกชายของตนเอง ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียน 3 คน แกล้งรุนแรง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส  โดยที่ทางโรงเรียน และ ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 ไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆเลย

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลพบว่า ด.ช.ชนันชิศ บุญทอง อายุ 14 ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยนาท  ได้ถูกเพื่อนและรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันรวม 3 คน แกล้งปิดประตูใส่กุญแจขังไว้ในช่องเก็บของอาคารเรือนนอน แล้วฉีดยาฆ่าแมลงเข้าไปจนไม่มีอากาศหายใจ จากนั้นได้จุดไฟแช็ค จนทำให้เกิดประกายไฟลุกท่วมภายในช่องเก็บของดังกล่าว ได้เผาไหม้ร่างกายของ ด.ช.ชนันชิศ  จนได้รับบาดเจ็บสาหัส  
โดยนางกชพรรณ แม่น้องเอิร์ธ ได้สอบถาม จนลูกชายเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

เวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 20 ก.ย. หลังเลิกเรียนตนเองกำลังจะนำหนังสือเรียนไปเก็บในช่องเก็บของของตนที่อยู่ใต้อาคารเรือนนอน ซึ่งขณะนั้นบริเวณหน้าช่องเก็บของได้มีเพื่อนและรุ่นพี่ 3 คน นั่งเล่นหมากเก็บอยู่  โดย 1 ใน 3 คน เอาหนังสือมาตีที่ศีรษะ แต่น้องเอิร์ธไม่เล่นด้วยจึงเดินหนี เมื่อน้องเอิร์ธเข้าไปในช่องเก็บหนังสือ เด็กคนหนึ่งก็ได้เดินมาปิดประตูแล้วเอากุญแจคล้องไว้เพื่อไม่ให้เปิดออกได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนอีกคนตะโกนบอกให้ไปเอากระป๋องยาฆ่าแมลงมา และได้ฉีดยาฆ่าแมลงเข้ามาให้ช่องเก็บของ ทำให้หายใจไม่ออก น้องเอิร์ธ จึงตะโกนบอกให้หยุดฉีด หายใจไม่ออก แต่เพื่อนไม่ยอมหยุด กลับฉีดเข้ามามากกว่าเดิม

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

พร้อมทั้งได้ยินเสียงจุดไฟและมีเปลวไฟพุ่งเข้ามาตามช่องประตูห้องเก็บของทำให้ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย  และมีเสียงระเบิดภายในช่องเก็บของที่ตนเองอยู่ ทำให้เพื่อนตกใจจึงรีบเปิดประตูช่องเก็บของและเห็นว่าไฟไหม้ตนเองและหนังสือ จึงได้ฉีดน้ำดับไฟ และตามคุณครูมาที่เกิดเหตุ คุณครูจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

จากนั้นวันที่ 21 กันยายน 2560 ทางโรงเรียนได้เรียกนางกชพรรณ บุญทอง มารดาของน้องชนันชิศ และผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 คนที่ก่อเหตุเข้ามาเพื่อพูดคุย และทางโรงเรียนได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ในเบื้องต้นตกลงกันว่าให้ผู้ปกครองของเด็กทั้ง 3 คน ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่มีผู้ปกครองของเด็กเพียงคนเดียวที่ช่วยเหลือมา 3 พันกว่าบาทเท่านั้น แต่ผู้ปกครองของเด็กอีกสองคนแจ้งว่าไม่มีเงิน และขอร้องไม่ให้ไปแจ้งความเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ลูกชายของตนยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะยังเดินไม่ได้ แพทย์ก็ให้ระวังเรื่องการติดเชื้อ คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการรักษาตัวอีกระยะหนึ่ง ทางตนและญาติได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.เมืองชัยนาท และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

ได้สอบถามแพทย์ผู้รักษาอาการของน้องเอิร์ธ ว่า น้องถูกไฟไหม้ที่ร่างกายบริเวณแขนขวา และขาขวาไม่ลึกมาก ซึ่งทาง รพ.ก็ได้ทำการรักษาบาดแผลยังมีผ้าก๊อซพันอยู่ โดยจะล้างแผลและเปลี่ยนผ้าก๊อซ และฉีดยาฆ่าเชื้อ อาการทั่วไปตอนนี้ดีขึ้นมาก ก็จะดูเรื่องข้อต่อของข้อมือและข้อเท้า จะเป็นแผลเป็นจะยึดรั้ง ก็จะต้องทำกายภาพ ต่อไป ซึ่งทาง โรงเรียน และโรงพยายาลได้ดูแลเป็นพิเศษอยู่แล้ว

แม่ร้องปวีณา ลูกโดนเพื่อนเล่นพิเรนฉีดยาฆ่าแมลงใส่ จุดไฟเผาทั้งเป็น อาการสาหัส  แจ้งความแล้วแต่เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายสมเกียรติ สุทธิเจริญพานิชย์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  เหตุเกิดวันที่ 20 ก.ย. หลังเลิกเรียน เด็กกลับเรือนนอน  ปรากฏว่า นอนคนนี้เข้าไปอยู่ในตู้เก็บหนังสือ เพื่อนเลยแกล้งปิด  และระหว่างนั้น เพื่อนก็ถามว่า จะออกจากตู้มั๊ย  เจ้าตัวบอกไม่ออก  จึงเอายาฉีดยุง ฉีด พอออกมา เพื่อนเลยแกล้ง จุดไฟแช็ก ตอนฉีดยากันยุง จนเกิดเหตุไฟลุกไหม้ทั้งตัว   ครูและเพื่อนๆ จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร  จนวันรุ่งขึ้น ผู้ปกครองได้ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ    ขณะที่ครูเรือนนอนแจ้งว่า  เด็กกลุ่มนี้จะซนมาก เคยนำยาฉีดยุง มาฉีดเล่นกันบ่อย จนครูทำโทษมาแล้ว
หลังจากเกิดเหตุ  ทางครูและเพื่อนๆ ก็ได้ไปเยี่ยมน้อง  และได้มีการติดต่อผู้ปกครอง ให้มาตกลงว่าจะดูแลเรื่องค่าเสียหายอย่างไร เข้ามาเจรจา พร้อมกันทั้งทั้งสองฝ่าย โดยคู่กรณียอมชดใช้ โดยในข้อตกลง คือ จะจ่ายเป็นเงิน 10,000 บาท ทุก 15 วัน จนกว่าแผลจะหาย ซึ่งในทางปฏิบัติ ผู้ปกครองที่มีเงินเขาก็นำเงินมาให้โรงเรียน และโรงเรียนก็นำไปให้ผู้ปกครองเด็กที่บาดเจ็บ เขาก็รับไว้ ส่วนรายที่ 2 แจ้งว่าหาเงินไม่ได้ต้องระสักระยะหนึ่ง เมื่อหาได้ก็นำมาให้ แต่เข้าไม่ยอมรับเงินแจ้งว่าเลยกำหนด
และผู้ปกครองรายสุดท้ายไม่สามารถหาเงินมาให้ได้ในช่วงเวลานั้น จึงคุยกับผู้เสียหายว่าหมื่นหนึ่งมันมากเกินไปไหม สำหรับผู้ปกครองที่ไม่มี โดยเจตนาแล้วจะพยายามไกล่เกลี่ย เพื่อให้เข้าใจกับผู้ปกครองอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากเด็กที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้ ส่วนใหญ่ยากจน มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ เงินทองทั้งนั้น ในฐานะผู้ปกครองเด็กที่ยากจนด้วยกันน่าจะเข้าใจมากขึ้น แต่ทางโรงเรียนก็ได้พยายามรวมรวมเงินก้อนนี้ให้ครบจากครู จากนักเรียน ส่วนหนึ่งเข้าไปชดเชยให้ครบ
ทางโรงเรียน อยากสื่อสารให้สังคมได้เข้าใจอีกมุมหนึ่งว่า เด็กกลุ่มนี้เป็นเพื่อนรักกัน เค้าเล่นหยอกล้อกันจนเกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นการตั้งใจทำร้ายร่างกาย หรือพยายามฆ่า อย่างที่แม่เด็กได้ไปแจ้งความเลย  เค้าไปเยี่ยมที่รพ.ก็มีการถ่ายรูปคู่กัน และเด็กก็ได้ขอขมา แม่น้องเอิร์ธ ซึ่งก็น่าจะเข้าใจกันได้ดี  แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแม่เด็กถึงได้ไปร้องเรียนหน่วยงานอื่นต่อ

 

ข่าว/ภาพ  ชฎารัตน์  จันทร์พาหิรกิจ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์  จ.ชัยนาท