เห็นกล้องแล้วทำเป็นกลัว!! ตำรวจเมืองคอน คุมตัว 2 โจ๋ วิ่งราวโทรศัพท์มือถือนักเรียน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างเพิ่งทำครั้งแรก..!?

วันที่ 18 ต.ค.60 ที่หน้าโรงเรียนเทศบาลวัดเสมาเมือง ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สถ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัว 2 วัยรุ่นผู้ต้องหาวิ่งราวทรัพย์โทรศัพท์มือถือของเด็กนักเรียนอายุ 11 ปีโรงเรียนเทศบาลวัดเสมาเมืองประกอบด้วยนายเดช (นามสมมุติ)อายุ 18 ปี และนายนัย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากเมื่อช่วงเย็นวานนี้

ผู้ต้องหาก่อเหตุชิงราวทรัพย์เด็กนักเรียนขณะยืนรอผู้ปกครองมารับกลับบ้าน หลังเลิกเรียนพิเศษ อย่างไรก็ตามหลังจากผู้ต้องหาก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถสกัดจับกุมตัวได้ทันควันพร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช ก่อนนำมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมือง พร้อมรับสารภาพว่า ก่อเหตุชิงทรัพย์โทรศัพท์มือของเด็กนักเรียนจริง โดยจะขับรถจักรยานยนต์ตระเวนหน้าโรงเรียนต่าง ๆ และอาศัยช่วงจังหวะที่เด็กนักเรียนเลิกเรียน และกำลังยืนเล่นโทรศัพท์ริมถนนรอผู้ปกครองรับกลับบ้าน ก่อนขับรถจักรยานยนต์ประกบแล้วข่มขู่เพื่อเอาโทรศัพท์ หากเด็กนักเรียนไม่ให้หรือขัดขืนจะทำร้ายร่างกาย นอกจากนี้ผู้ต้องหาจะเลือกเหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียนระดับประถม ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ได้จะนำไปขายเพื่อนำเงินไปเที่ยวเตร่และซื้อยาเสพติดมาเสพ

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างตำรวจควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำสารภาพ สร้างความสนใจให้กับประชาชนที่ขับรถผ่านไปมา จอดรถดูการทำแผน อย่างไรก็ตามระหว่างการทำแผนรับสารภาพ 2 ผู้ต้องหาถึงกับหน้าซีดถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพบว่ามีผู้สื่อข่าวจากหลายสำนักพยายามถ่ายภาพและสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องหาทั้งสอง แต่ผู้ต้องหาทั้งสองกลับเงียบสนิทไม่พูดใดๆกับผู้สื่อข่าว ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวไปทำแผนเพิ่มเติมที่หน้าโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และผู้ต้องหารายหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวสั่นๆว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง มีประวัติวิ่งราว ชิงทรัพย์ และลักทรัพย์มาอย่างโชกโชน ในส่วนรถจักรยานยนต์ที่สองผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นรถของผู้ใดหรือเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาหรือไม่

 

ภาพ/ข่าว ชชาดล เจริญพงศ์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดนครศรีธรรมราช