ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร สกลนคร จัดแถลงข่าวการดำเนินงานในรอบปี และ วันสถาปนา ธ.ก.ส. ปีที่ 51

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดสกลนคร นายสุภาษิต ศุภวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดสกลนคร นายสุรชัย ตั้งนิธิบุญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. จังหวัดสกลนคร และผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. สาขาอื่นๆพื้นที่จังหวัดสกลนคร ร่วมแถลงข่าวในการดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา และตรงกับวันสถาปนา ธ.ก.ส. ปีที่ 51 โดยได้สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการต่างๆที่รัฐบาลกำหนด อาทิ โครงการประภัยข้าวนาปี , โครงการสินเชื่อชะการขายข้าวเปลือกนาปี , โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 และการส่งมอบรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ , โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560 , โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2559/ 60 และโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน

นายสุภาษิต ศุภวุฒิ เปิดเผยว่า โครงการปรำกันภัยข้าวนาปี ปีการผิตปี 2560/61 กำหนดระยะเวลาดำเนินการเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 อัตราค่าเบี้ยประกันภัย 90 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่าย 36 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนเกษตรกร 54 บาทต่อไร่ แต่สำหรับลูกค้าเงินกู้ ธ.ก.ส. ที่ขึ้นทะเบียนผู้เพาะปลูกข้าว ธนาคารจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันให้ 36 บาทต่อไร่ ตามวงเงินกู้ โดยคำนวณต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 4,000 บาทต่อไร่ และวงเงินคุ้มครอง ค่าสินไหมทดแทน ผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินสินไหมทดแทน 1,260 บาทต่อไร่ ซึ่งจังหวัดสกลนคร มีเกษตรกรที่มีสิทธิขอเอาประกันภัย จำนวน 16 สาขา รวมทั้งสิ้น 167,572 ราย เนื้อที่ 2,257,931 ไร่ โดยมีผลการดำเนินงานรวม 65,407 ราย รวมพื้นที่ 901,791 ไร่ หลังสำรวจผู้ได้รับความเสียหาย 53,540 ราย 380,168 ไร่ ซึ่งผลการตรวจสอบจากสมาคมประกันวินาศภัยจ่ายค่าสินไหม รวม 3 ครั้ง จำนวน 9,828 ราย 57,693 ไร่ จำนวนเงิน 72,692,589 บาท และโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2560/61 และการช่วยเหลือเงินค่าเก็บเกี่ยว และปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าว โดยธนาคารกำหนดให้จ่ายเงินกู้ โดยใช้ข้าวเปลือกเป็นหลักประกัน และกำหนดวงเงินกู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สูงสุดรายละไม่เกิน 300,000 บาท โครงการกำหนดสนับสนุนค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าว ตันละ 1,500 บาท โดยจ่ายให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ระยะเวลาเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2561 สำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ปริมาณ 59,000 ตัน จำนวนเงิน 560 ล้านบาท ส่วนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม 2560 ทีผ่านมา และส่งมอบ-รับบัตรมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ที่สำคัญผู้ที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีสิทธิ 1 คนต่อ 1 บัตร โดยใช้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้สิทธิ แต่ไม่เกินจำนวนเงินที่กำหนด หากใช้เกินต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง ซึ่งบัตรมีอายุการใช้งาน 5 ปี นับจากเดือน/ปี ที่ผลิต อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรอบตามที่กำหนด ( วันที่ 1 ของทุกเดือน) วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินเสมอ วงเงินจะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป และเป้าหมายส่งมอบ 207,026 บัตร ส่งมอบแล้ว 190,644 บัตร ( 92 %)

ขณะเดียวกันโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินให้แก่เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2560 หลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุ “เซินกา” พื้นที่เสียหาย 44 จังหวัด เช่นเดียวกับจังหวัดสกลนคร กำหนดระยะเวลาให้เงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ถึงวันที่ 31 พฤศจิกายน 2560 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเมื่อยามจำเป็นในครัวเรือน สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะนี้ ธ.ก.ส. จ่ายสินเชื่อไปแล้วรวม 2,100 ราย จำนวนเงิน 75 ล้านบาท และโครงการพักชำระหนี้ โดยคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบพักชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2559/60 รวมระยะเวลา 2 ปี ลดดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 3 ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่ง ธ.ก.ส. ดำเนินพักชำระหนี้แล้วรวมทั้งหมด 41,000 ราย 44,110 สัญญา เป็นเงิน 2,120 ล้านบาท สำหรับโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน พบว่ามีประชาชนทั่วประเทศที่มาลงทะเบียน 8,321,775 ราย ในจำนวนนี้มีอาชีพประกอบเกษตรกรรม จำนวน 2,846,535 ราย คิดเป็นร้อยละ 34.3 ธนาคารดำเนินการทำโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 และสิ้นสุดจ่ายเงินกู้วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นระยะเวลา 1 ปี เงื่อนไข กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน 1 คน ค้ำประกันหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 ต่อเดือน กรณีใช้หลักประกันจำนองบางส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของวงเงินกู้ ร่วมกับการใช้บุคคลค้ำประกัน 1 คน คิดอัตราดอกเบี้ย 0.75 ต่อเดือน และกรณีใช้หลักประกันจำนองไม่ต่ำกว่าร้อยละ 100 ของเงินวงกู้ ดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 ต่อเดือน

ภาพ/ข่าว  ไมตรี  แก้วบุญมี  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สกลนคร