ชีวิตใหม่!!ศาลฎีกาพิพากษากลับยกฟ้องอดีต สจ.“อี๊ด” น้องชาย สุธรรม แสงประทุม พร้อมพวก 6 คนคดีฆ่าตำรวจ หลังศาลชั้นต้น อุทธรณ์พิพากษาประหารชีวิต

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 พ.ย. 2560 นายเชาว์  มีขวด ทนายความ เปิดเผยว่า จากกรณีกรณีคดีพนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราชโจทก์ได้ฟ้องนายขจัด ทองรอด จำเลยที่ 1 ,นายสุพจน์ เพียรพันธ์ หรือ สจ.พจน์ จำเลยที่ 2 นายธานินทร์ จันทร์แก้ว จำเลยที่  3 นายอุดม เพียรพันธ์ จำเลยที่ 4  นายบุญฤทธิ์ ประจงใส หรือกำนันเอียด จำเลยที่ 5 นายธวัชชัย แสงประทุม หรือ ส.จ อี๊ด จำเลยที่ 6 ต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช  โดยกล่าวว่ากล่าวหาว่าจำเลยทั้งหกร่วมกันฆ่าและใช้จ้างวานฆ่าดาบตำรวจสุรินทร์ หนูตะพง หรือ “จ่าแข็ง”ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะกำลังขับรถยนต์แวน ยี่ห้อมิตซูบิซิสี น้ำเงินทะเบียน กค-9567 นครศรรีธรรมราช บนถนนสายปากพนัง-นครศรีธรรมราช เดินทางมุ่งไปยังที่ทำงาน กก.สืบสวนภาค 8 เหตุเกิดบนถนนสายปากพนัง-นครศรีธรรมราช ในเขตท้องที่เขตเทศบาลตำบลบางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 ในเวลากลางวัน

                ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ทำการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า กลุ่มมือปืนที่ก่อเหตุคือนายขจัด หรือจัด ทองรอด จำเลยที่ 1 นายสุพจน์หรือ ส.จ. พจน์ เพียรพันธ์ จำเลยที่ 2 นายธานินทร์ จันทร์แก้ว จำเลยที่ 3 นายอุดม เพียรพันธ์ จำเลยที่ 4 โดยมีนายบุญฤทธิ์หรือกำนันเอียด ประจงใสจำเลยที่ 5 นายธวัชชัย แสงประทุม หรือ ส.จ อี๊ด  อดีต ส.อบจ.นครศรีธรรมราช และอดีตประธานสภา อบจ.นครศรีธรรมราช จำเลยที่ 6 จนนำไปสู่ การออกหมายจับและจับกุมจำเลยทั้ง 6 และส่งอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อส่งฟ้อง โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งการเมืองท้องถิ่นที่มีความขัดแย้งกันรุนแรง พนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้สั่งฟ้องจำเลยทั้ง 6 กับพวกต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ภาค 8 ได้มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 6 คน

นายเชาว์ มีขวด เปิดเผยอีกว่า ตนในฐานะทนายความของจำเลยทั้ง 6  ได้ยื่นฎีกาต่อสู้คดีจนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ 5474/2560 โดยศาลฎีกาได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน โดยศาลฎีกาไม่เชื่อว่าจำเลยทั้ง 6 คนจะกระทำผิดจริงพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบในชั้นพิจารณาคดีไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่หน้าที่ตำรวจชุดจับกุมของพลตำรวจตรีรณพงค์  ทรายแก้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ตายและเป็นหัวหน้าชุดจับกุมทำคดีนี้ น่าจะมีซ้อมจำเลยที่ 1 ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นมือปืนให้รับสารภาพซัดทอดไปยังจำเลยคนอื่น ๆ อีก 5 คน ว่าเป็นผู้จ้างวานให้สังหารผู้ตาย โดยประเด็นพยานเอกสารอื่นเช่นหลักฐานการใช้โทรศัพท์ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาอ้างเป็นพยานต่อศาลน่าจะเกิดจากการปรุงแต่งขึ้นเพื่อให้เกี่ยวโยงถึงจำเลยทั้ง 6 คน จึงไม่น่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน

                “ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คนและจำเลยทั้งหมดก็ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำบางขวางจังหวัดนนทบุรีและหลังเป็นอิสระทั้งหมดยกเว้นนายธวัชชัย แสงประทุม “หรือ ส.จ.อี๊ด”ได้เดินทางกลับมายังนครศรีธรรมราช โดยสายการบินนกแอร์ถึงท่าอากาศยานจังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อคืนวานนี้ (25 พ.ย.)ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงที่ต่างมารอรับกันเป็นจำนวนมาก หลังจากถูกจองจำตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางระหว่างต่อสู้คดีอยู่นานเกือบ 5 ปี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับนายธวัชชัย แสงประทุมหรือ “ส.จ.อี๊ด” เป็นอดีต ส.จ.และประธานสภา  อบจ.นครศรีธรรมราชเป็นนักการเมืองคนดังในพื้นที่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชและยังเป็นน้องชายของนายสุธรรม แสงประทุม อดีต รมว.ทบวงมหาวิทยาลัย และ อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งในอดีตเป็นนักการเมืองคนดังคู่หู่ของนายชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย และนายวิทยา แก้วภราดัย ในอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ในยุคแรก ๆ ของการเล่นการเมืองในนามสังกัดพรรคก้าวหน้า ต่อมานายชำนิ และนายวิทยา เข้ามาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์  ในขณะที่นายสุธรรม เข่าสังกัดพรรคพลังธรรมและร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย.

ขอบคุณภาพ/นายเชาว์  มีขวด ทนายความ

ยุทธนะ เตมะศิริ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์  จ.นครศรีธรรมราช