- 23 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ข่าวภูมิภาค 77 จังหวัด Tnews
หลังจากที่กรมปศุสัตว์ โดยนายสัตว์แพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ แถลงข่าวสถานการณ์โรค-มาตรการ-ข้อมูลโรคพิษสุนัขบ้า ถึงความคืบหน้าในการป้องกันและควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ผลการฉีดวัคซีน โดยมีเป้าหมาย 8,240,000 ตัว
ผลงานวันนี้ในส่วนของกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการไปแล้ว 34,485 ตัว โดยท้องถิ่นทั่วประเทศดำเนินการ 66,280 ตัว ผลงานสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึงปัจจุบัน 2,803,587 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการฉีดวัคซีนใช่ช่วง 5 กิโลเมตร ฉีดวัคซีนไปแล้ว 80-100 เปอร์เซ็น ซึ่งคาดว่าในการฉีดวัคซีนเดือนหน้า และสิ้นสุดเดือนพฤษภาคมนี้ เราจะฉีดวัคซีนให้ได้ 80 เปอร์เซ็น ของสุนัขและแมว ทั่วประเทศ ส่วนการผ่าตัดทำหมัน 2,688 ตัว ผลงานสะสม 132,045 ตัว ซึ่งการผ่าตัดทำหมันเป็นการทำทั้งปี เพื่อลดประชากรสัตว์ ซึ่งคาดว่าอาจลดจำนวนการเกิดของสัตว์ในปีหน้าได้ โดยกรมปศุสัตว์ได้เตรียมทีมงาน ไว้เผื่อทำหมันไว้อยู่แล้ว
ส่วนการฝึกอบรมอาสาปศุสัตว์ด้านโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งเป้าไว้ 17,500 ราย ซึ่งอบรมไปแล้ว 27,402 ราย ซึ่งจะมีท้องถิ่นละ 1-2 ราย ทำงานร่วมกับ อสม. และใน 27,000 ราย ได้มีส่วนราชการ ของเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เข้ามาร่วมด้วย
การขึ้นทะเบียนสุนัขแมวมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น รับผิดชอบมีเป้าไว้ 10 ล้านตัว
ส่วนสถิติผู้เสียชีวิตโรคพิษสุนัขบ้า ในปี 59 มีทั้งหมด 13 ราย ปี 60 มี 11 ราย ส่วนปี 61 ภายใน มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เสียชีวิตไป 6 ราย
สำหรับเหตุโรคระบาด ที่มีการประกาศให้ระวังของโรคพิษสุนัขบ้า มี 39 จังหวัด 140 จุด
นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมปศุสัตว์มีเหตุผลความจำเป็นในการประกาศเขต โรคระบาด เพื่อสามารถกำหนดพื้นที่ควบคุมในระยะ 5 กิโลเมตรรอบจุดเกิดโรค ทำให้สามารถระบุชนิดสัตว์เลี้ยง-ลูกด้วยนมที่ต้องควบคุมได้ทุกชนิด ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามประกาศเว้นแต่ได้รับอนุญาต และ สัตวแพทย์สามารถสั่งดำเนินการกับสัตว์ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยหรือสงสัยว่าเป็นพาหะของโรคระบาดได้ทันที
และเพื่อให้ประชาชนได้เกิดการเรียนรู้ เฝ้าระวังป้องกันตัวได้ทัน หากเกิดเหตุสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนำ กัด ข่วน เลีย จนอาจจะเกิดการได้รับเชื้อได้ เราจะได้นำข้อมูลวิธีการดูแลรักษาตัวจาก สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เกี่ยวกับโรคพิษสุนัชบ้า
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ได้เผยแพร่ข้อมูล การเฝ้าระวัง ดูแลรักษาตนเองจากการได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้า ซึ่งโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดเชื้อทางระบบประสาทเกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ เรบีส์ ไวรัส(Rabies) ทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด เช่น คน สุนัข แมว ลิง ชะนี กระรอก ค้างคาว ฯลฯ โรคนี้ก่อให้เกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาทส่วนกลาง ในปัจจุบันยังไม่มีทางที่จะรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการจะเสียชีวิตทุกราย
ซึงโดยปกติ คนสามารถติดโรคจากสัตว์เหล่านี้ได้ 2 ทางหลักๆ คือ ถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด เชื้อไวรัสจากน้ำลายของสัตว์ เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลที่ถูกกัด และ ถูกสัตว์ที่เป็นโรคเลีย ซึ่งเป็นการเลียผ่านผิดหนังปกติจะไม่ติดโรคจากสัตว์เหล่านั้นยกเว้นกรณี เลียบริเวณที่มีบาดแผล รอดถลอกหรือขีดข่วน รวมทั้งกรณีถูกเลียที่ริมฝีปากหรือนัยน์ตา ก็มีโอกาสติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้
สำหรับอาการของคนที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ในระยะ 2-3 วันแรก จะมีไข้ต่ำๆ ต่อมาจะมีอาการเจ็บคอเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คัน ปวดแสบร้อน ตรงบริเวณแผลที่กัด ทั้งๆที่แผลอาจหายเป็นปกติแล้ว ต่อไปจะมีอาการตื่นเต้นง่าย กระสับกระส่าย ไม่ชอบแสงสว่าง ไม่ชอบลม และไม่ชอบเสียงดัง กลืนลำบาก แม้จะเป็นของเหลวหรือน้ำเจ็บมากเวลากลืน
เพราะการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน แต่ยังมีสติพูดจารู้เรื่อง ต่อไปจะเอะอะมากขึ้น และสุดท้ายจะมีอาการชัก เป็นอัมพาต หมดสติและเสียชีวิต
ส่วนข้อปฏิบัติเร่งด่วนภายหลังจากถูกสัตว์กัด คือ 1. ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ 2-3 ครั้ง แล้วทาแผลด้วยโพวิดีน หรือแอลกอฮอล์ หรือทิงเจอร์ไอโอดีน แล้วรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที 2.ถ้าสุนัขตายให้นำซากมาตรวจ ถ้าหากสุนัขไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ 10 วัน หรือนำไปให้สัตวแพทย์ดูอาการ ขณะเดียวกันให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมทันที ส่วนการรักษาทางสมุนไพรหรือแพทย์แผนโบราณไม่สามารถป้องกันโรคได้ ไม่ควรรอดูอาการสุนัขเพราะอาจทำให้ได้รับการรักษาล่าช้าเกินไป 3.ในกรณีที่ติดตามสัตว์ที่กัดไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันที และ 4 ผู้ที่ต้องรับการรักษาเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า คือมีบาดแผลไม่ว่าจะเป็นรอยช้ำเขียวหรือมีเลือดไหล แผลถลอกหรือแผลลึก รวมทั้งผู้ที่ถูกสุนัขเลียที่นัยน์ตา ริมฝีปาก และผิวหนังที่มีแผลถลอก
ส่วนในเรื่องการรักษาผู้ป่วยนั้น ในปัจจุบันเราใช้วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าชนิดที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง (ฉีด 4-5 ครั้งเท่านั้น) เพราะมีประสิทธิภาพสูง ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงทางระบบประสาท กรณีที่บาดแผลมีเลือดออก ถูกเลียที่ริมฝีปาก น้ำลายกระเด็นเข้าตาผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวัคซีนร่วมกับการฉีดเซรุ่มด้วย ซึงที่สถานเสาวภาพใช้โปรแกรมการฉีดวัคซีน 2 แบบ คือ แบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อและแบบฉีดเข้าในผิดหนัง ผู้ป่วยจำเป็นต้องมารับการฉีดวัคซีนตามนัดทุกครั้ง
ขอบคุณ : สถานเสาวภา สภากาชาดไทย
วีรวิชญ์ ชมภูทรัพย์ศิริ