- 05 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ ภาคตะวันออกปีนี้ขาดตลาดราคาพุ่งจากปี 60 มีผลผลิตรวม 792,113 ตัน ปีนี้ลดฮวบเหลือ 647,522 ตัน แต่กลับเป็นผลดีต่อเกษตรกรที่พัฒนาคุณภาพ เช่นกลุ่มแปลงใหญ่ สามารถขายผลผลิตได้ราคาดีกว่าทุกปี นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรม ส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออก (ระยอง จันทบุรี ตราด) ในปีนี้ว่ามีปริมาณผลผลิตต่ำลดลงทุกชนิดสืบเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน อาทิ เกิดพายุฤดูร้อนในช่วงระยะไม้ผลเริ่มติดดอกจนสร้างความเสียหายให้เกษตรกรส่งผลให้ผลผลิตผลไม้ปีนี้ ขาดตลาดและมีราคาสูงโดยคาดว่าปีนี้จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวน 647,522 ตัน แบ่งเป็นผลผลิตทุเรียนจำนวน 403,906 ตัน มังคุด จำนวน 54,073 ตัน เงาะ จำนวน 173,224 ตัน และลองกอง จำนวน 16,319 ตัน เปรียบเทียบกับปีที่แล้วทุเรียนจะให้ผลผลิตจำนวน 422,365 ตัน ลดลง 4.37% เงาะ 192,055 ตัน ลดลง 9.81% ลองกอง 24,015 ตันลดลง 32.05% ส่วนมังคุด ผลผลิตลดลงมากที่สุด จากปี 60 มีผลผลิต 153,678 ตัน ปีนี้ลดลง 64.81%
ราคาทุเรียนหมอนทองอยู่ที่ประมาณ 78.83-68 บาท/ก.ก. ชะนี 54.17-47 บาท/ก.ก. มังคุด 195-126.67 บาท/ก.ก. เงาะตะกร้า 41.50-35 บาท/ก.ก. ลองกองคละ 40 บาท/ก.ก. ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าทุกปี ซึ่งสถานการณ์ปีนี้ทุเรียนไม่น่ากังวลเพราะเกษตรกรจะสามารถขายได้ราคาดีเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และเกษตรกรยังมีความรู้ มีการรวมกลุ่ม ตั้งราคา กำหนดราคา และหาตลาดเองได้ ส่วนผลผลิตมังคุด ยืนยันว่า ปีนี้ ผลผลิต ออกน้อยกว่าปีก่อนมาก ราคาสูงตามธรรมดา แต่ก็กังวล ว่า เกษตรกร จะขายได้พอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ ภาพรวมทั้งปี มีปัญหาหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องหันมาประเมินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้าให้ความรู้แก่เกษตรให้ศึกษาและทำความเข้าใจถึงสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอนเพื่อให้เกษตรกรปรับตัวในหลายมิติเพื่อบริหารจัดการผลผลิตให้มีคุณภาพดีรวมทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรเร่งปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้กระทบต่อผลผลิตในระยะยาวพร้อมทั้งเร่งส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความรู้เกี่ยวกับการวางแนวทางใช้ตลาดนำการผลิตโดยเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทุเรียนคุณภาพผ่าน ศพก. และมีการส่งเสริม ในรูปแบบแปลงใหญ่ซึ่งจังหวัดระยอง มีกลุ่มแปลงใหญ่รวมทั้งสิ้น 8 กลุ่ม
ด้านนาย สุวิทย์ แสงอากาศ ประธานกลุ่มทุเรียน แปลงใหญ่ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง บอกว่า การรวมตัวกันของชาวสวนเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ ทำให้เกิดความเข้มแข็ง ปัจจุบันกลุ่มไม่กังวลเรื่องตลาด สามารถตั้งราคา เองได้ โดยรวมผลผลิตและให้พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาทำการประมูล แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาคุณภาพ ที่ต้องเริ่มตั้งแต่การรวมกลุ่มนัดพูดคุยปรึกษา ก่อนลงมือทำ
ภาพ/ข่าว อัจฉรา วิเศษศรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.ระยอง