หลวงตาเดือดร้อน ค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้าแพงจัด !! ต้องซื้อน้ำถังมาดื่มประทังชีวิต ชาวบ้านโร่แจ้งศูนย์ดำรงธรรมแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า (คลิป)

          หลวงตาเดือดร้อนค่าน้ำบวกค่าไฟฟ้าแพงเดือนละเกือบ 4,000 แถมยังฉันท์ไม่ได้ต้องซื้อน้ำถังมาดื่ม ส่วนน้ำประปาคงไม่ได้ผ่านที่กรองเพราะเต็มไปด้วยใบไม้ จึงใช้แค่ซักล้างกับใช้อาบเท่านั้น ส่วนชาวบ้านก็เดือดร้อนแจ้งศูนย์ดำรงธรรมแล้วยังไม่มีความคืบหน้า

 

         จากที่ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านศรีไกรลาส ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม จ.กำแพงเพชรว่า เดือดร้อนอย่างหนักจากค่าน้ำประปาหมู่บ้านซึ่งคิดแพงสูงถึงหน่วยละ 22 บาท บางบ้านต้องเสียค่าน้ำเดือนละ 1,400 บาทต่อเดือน ต่ำสุดก็ประมาณ 300-400บาท ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการลงพื้นที่เพื่อจะพบผู้ใหญ่บ้าน แต่เพื่อนบ้านบอกว่าไม่อยู่ไปทำธุระในเมือง จึงเดินทางไปที่วัดศรีไกรลาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของแท๊งค์น้ำประปาหมู่บ้าน พบกับพระอธิการน้อย ฉันทะธรรมโม อายุ 80 ปีซึ่งเป็นเจ้าอาวาส เพื่อสอบถามความจริงในเรื่องค่าน้ำแพง

 

 

 

 

พระอธิการน้อยเปิดเผยว่า ที่วัดต้องเสียค่าน้ำบวกค่าไฟฟ้าในบิลเดียวกันเดือน เกือบ 4,000 บาทแทบทุกเดือน ทางวัดต้องหาเงินมาจ่ายบางเดือนไม่มีเงินต้องใช้เงินกองกลางบ้าง เงินส่วนตัวที่ญาติโยมมาถวายสมทบจ่ายไป รู้สึกเดือดร้อนกับค่าน้ำที่แพงมาก และน้ำประปาที่เปิดมาก็ใช้ฉันท์ไม่ได้ ใช้ได้แค่ซักล้างและใช้อาบเท่านั้น ส่วนน้ำที่นำมาดื่มต้องซื้อน้ำถังเสียเงินอีกเดือนละ 300 บาท จึงรู้สึกเดือดร้อนมาก  อยากจะให้ทางไฟฟ้ามาเดินสายแยกหม้อจากไฟฟ้าที่มาใช้ดึงน้ำ เนื่องจากไฟฟ้าที่กับเครื่องดึงน้ำต้องใช้กรแสไฟฟ้าแบบ 3 เฟส จึงจะดึงน้ำจากบ่อที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกประมาณ 1 กิโลมาขึ้นแท๊งค์ใหญ่ของประปา ถ้าไม่ใช้ไฟฟ้าแบบ 3 เฟสก็ไม่มีสามารถดึงน้ำขึ้นมาบนเนินซึ่งเป็นที่ตั้งแท๊งค์ใหญ่ได้ ค่าไฟฟ้าจึงแพงมาก ค่าน้ำกับค่าไฟฟ้าชาวบ้านต้องหารกันจ่าย แต่ทางวัดโดนหนักที่สุดทั้งๆที่แท๊งค์น้ำตั้งอยู่ในเขตวัด

 

 

 

 

 พระอธิการน้อย ยังเปิดเผยอีกว่า เดิมเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วจะมีการสร้างประปาหมู่บ้านที่ด้านล่าง แต่ทางผู้นำชุมชนเห็นว่าถ้าสร้างอยู่ด้านล่างเกรงจะจ่ายน้ำไม่ทั่วถึงจึงมาตั้งบนวัดซึ่งอยู่เนินเขา จากนั้นก็มีกการสร้างแท๊งค์น้ำก่อนแล้วจึงขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อที่จะดึงน้ำขึ้นมาใช้ แต่หลังจากที่ขุดเจาะไปแล้วปรากฏว่าน้ำไม่พอ จึงต้องลงไปขุดที่ด้านล่างห่างจากจุดที่ตั้งแท๊งค์น้ำประมาณ 1 กิโลเมตร ดังนั้นจึงต้องกระแสไฟฟ้าในการดึงน้ำค่อนข้างมาก เมื่อมาคิดเป็นค่าน้ำจึงแพงตกหน่วยละ 22 บาทดังกล่าว ในส่วนของชาวบ้านที่เดือดร้อนและได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ น่าจะคงกำลังประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

 

 

 

 

ขวัญชัย  ยุทธ์ธนสุนันท์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์กำแพงเพชร