- 11 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561 ได้มีตัวแทนชาวบ้านจาก หมู่ 7 ต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กว่า 10 คน นำโดยนายหน๊ะ ดุลล่าเต๊ะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชน จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากนายเพิ่ม สงเกื้อ หรือ “ลุงกำนัน” อดีตกำนัน ตำบลหน้าสตน อ.หัวไทร ได้นำดินมาถมคลองสาธารณะกั้นน้ำ ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 7 ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ทำให้น้ำไหลเอ่อล้นเข้าท่วมบ่อปลา ฟาร์มไก่ หรือแม้กระทั่งบ้านเรือน ที่สำคัญพื้นที่ชื้นแฉะ น้ำท่วมขัง เน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ มีแมลงวันบินว่อนมาไต่ตอมพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดแหล่งพาหะนำโรคแหล่งใหญ่ของ อ.หัวไทร
นายหน๊ะ กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้เดินทางไปแจ้งที่ เทศบาลตำบลหน้าสตน อ.หัวไทร หลังรับแจ้งผ่านไป 7 วัน ทางเทศบาล ฯก็ยังไม่ได้ดำเนินการแต่อย่างใด ทราบแต่เพียงว่า ทาง ปลัดเทศบาล ฯไปแจ้งความที่ สภ.หัวไทร หลายรอบแล้วแต่ทาง สภ.หัวไทร ไม่รับแจ้งความ เนื่องจากทางอดีตกำนันแจ้งว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวเลยไม่รับแจ้งความแต่ให้ทางเทศบาล ฯใช้วิธีเจรจาหาข้อยุติ
“คลองสายนี้เท่าที่ตรวจสอบพบว่า เป็นคลองที่อดีตกำนันสมัยที่ดำรงตำแหน่งได้ขอชาวบ้านและชาวบ้านก็ได้อุทิศพื้นที่ให้ร่วมกับที่ดินของกำนัน และอุทิศให้เป็นสาธารณประโยชน์ตามจำนวน 80 ตารางวา ตามบันทึกของเทศบาลตำบลหน้าสตน ลงวันที่ 28 ก.พ. 2532 เพื่อให้ทางราชการทำถนนสาธารณะประโยชน์และคูส่งน้ำเพื่อการเกษตร จึงไม่ใช่เป็นของกำนันตามที่อ้าง แต่เหตุที่กำนันปิดกั้นคลอง อาจจะมีสาเหตุมาจากชาวบ้านเดือดร้อนร้องเรียนเรื่องฟาร์มสุกรของอดีตกำนัน ทำให้อดีตกำนันไม่พอใจ จึงนำดินมาถมคลองสาธารณะกั้นไม่ให้น้ำไหลผ่าน กลั่นแกล้งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก”
นายประทีป คงตุก ปลัดเทศาลตำบลหน้าสตน กล่าวว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ก็ลงไปตรวจสอบในพื้นที่พบว่าอดีตกำนัน ได้ใช้รถแบคโฮ ขุดดินไปถมคลองอ้างว่าคลองดังกล่าวเป็นที่ของอดีตกำนัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วที่ดังกล่าวสมัยเป็นกำนันได้ขอชาวบ้านกันพื้นที่เป็นถนนและคลอง จึงเป็นที่ที่ชาวบ้านอุทิศให้สมัยที่ยังเป็นกำนัน แต่ละปีทาง อบต. หรือเทศบาล ในสมัยปัจจุบัน ได้มีการขุดลอกคลองหลายครั้งแล้ว ทางกำนันก็ไม่ได้ขัดขวางใด ๆ กำนันไม่อ้างใช้สิทธิความเป็นเจ้าของ ตามกฎหมายคลองสายนี้เป็นคลองสาธารณะแน่นอน
“เรื่องนี้ได้มีการร้องหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องมาหลายครั้ง และเทศบาล ฯได้เข้าแย้งความกับตำรวจหลายรอบ แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความและขอฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้วิธีการเจรจา อย่างไรก็ตามเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทางเทศบาล ฯจะไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะนำรถแบคโฮไปขุดดินออกเพื่อให้น้ำไหลตามปกติ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านมาก หากกำนันเห็นว่าลำคลองเป็นของส่วนตัวก็ต้องไปสู้กันในกระบวนการยุติธรรมหรือทางศาลต่อไป.
ภาพ/ข่าว/ ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช