ชายตาบอดสู้ชีวิต ออกหว่านแหจับปลาขายเลี้ยงครอบครัว ให้ลูกสาวได้เรียนหนังสือ (คลิป)

วันนี้(14 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากนายนนทวัฒน์ แนบทางดี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/5 ม.13 ต.เฉนียง (ฉะ-เนี๋ยง) อ.เมือง จ.สุรินทร์ พลเมืองดี ว่ามีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นชายพิการตาบอดสนิททั้ง 2 ข้าง มีภรรยาและลูกสาว อายุ 12 ปี ซึ่งกำลังจะขึ้นเรียนชั้น ม.1 มีฐานะยากจน แทบไม่มีข้าวกรอกหม้อและที่สำคัญลูกสาวที่กำลังจะขึ้นเรียน ไม่มีเงินทุนการศึกษา เป็นค่าใช้จ่ายไปโรงเรียน แต่ชายพิการคนนี้ ไม่เคยงอมืองอเท้ารอคอยความช่วยเหลือจากใคร ออกหารับจ้างยกอิฐบล็อก เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และยังสามารถหว่านแหจับปลาขายเลี้ยงครอบครัวได้อีกด้วย ชายพิการตาบอดรายนี้ คือนาย สัจจา ใจหาญ อายุ 50 ปี มีภรรยาชื่อนางหาม อุไรรักษ์ อายุ 58 ปี และลูกสาว คือ ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ อายุ 12 ปี ที่กำลังจะขึ้นเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนเทศบาล 3 ที่ใกล้จะเปิดเทอมนี้ ซึ่งทั้งหมด อาศัยอยู่ภายในบ้านปูน 1 ชั้น สภาพบ้านเก่า อิฐผนังบ้านเปลือยยังไม่ได้ฉาบปูน หลังคากระเบื้องเก่า มีรอยรั่วเวลาฝนตก หน้าต่างมีแต่ช่องวงกบ ใช้สังกะสีตีปิดไว้พอได้บังแดดบังฝนเท่านั้น

 

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก ซึ่ง ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ กำลังจะพาพ่อที่พิการตาบอดซ้อนรถจักรยานเพื่อออกไปหาหว่านแหมาเลี้ยงดูครอบครัว เนื่องจากงานยกอิฐบล็อกก่อสร้างในช่วงนี้ไม่มีงาน ซึ่งนายสัจจา ผู้ตาบอด สามารถหว่านแหและสามารถจับปลาได้เหมือนคนปกติทั่วไป ทุกครั้งที่ออกไปหาหว่านแหจับปลา จะต้องได้ปลากลับมาบ้านทุกครั้ง บางครั้งหากได้ปลาจำนวนมาก ก็จะแบ่งขายให้เพื่อนบ้าน และบางส่วนเก็บไว้ประกอบอาหารประทังชีวิตในครัวเรือน

 

 

 

 

นายสัจจา ใจหาญ ชายพิการตาบอด กล่าวว่า ตนเองตาบอดตั้งแต่อายุ 25 ปี เกิดเหตุตอนอยู่หลังรถบรรทุก ระหว่างที่ขนต้นปอ กลับถูกสายไฟฟ้าที่พาดถนนอยู่ เกี่ยวที่หน้าและคอ จนตนเองตกลงมาจากรถบรรทุก ได้รับบาดเจ็บ และตาเริ่มพร่ามัว ไม่นานก็ถูกยางรถสิบล้อใหม่ ที่เขากำลังงัดลงมาให้ตนเปลี่ยนยางให้รถสิบล้อ ทับที่ตัวและคออีก พอฟื้นมาตาก็พร่ามัวกว่าเดิม และบอดสนิทในเวลาต่อมา ตอนนั้นยังไม่มีครอบครัว แต่ไม่รู้ว่าต้องทำกินอะไร จึงต้องออกหว่านแหหาปลา และรับจ้างยกอิฐบล็อก แล้วแต่ว่าจะมีงานไม่มีงาน ได้วันละ 200-300 บาท เวลาออกไปหว่านแหก็จะมีลูกสาวคอยปั่นจักรยานไปส่งบ้าง เพื่อนบ้านไปส่งบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะหว่านจนได้ เพื่อนำมาขายและไว้กินในครอบครัว ตอนนี้ก็ลำบากอยู่ เป็นห่วงแต่เรื่องลูกสาวที่กำลังจะขึ้น ม.1 ไม่มีเงินให้เขาไปโรงเรียน และอยากได้งบมาซ่อมแซมบ้าน ทั้งหลังคารั่วและผนังที่ยังไม่ได้ฉาบ หน้าต่างยังไม่มี บ้านเริ่มจะพังแล้ว ถึงแม้ตนเองจะลำบากแค่ไหน แต่ก็จะไม่งอมืองอเท้า จะต้องสู้ชีวิตต่อไป และขอฝากให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนที่ปกติไม่ได้พิการ และที่กำลังประสบปัญหาต่างๆว่าอย่าท้อ ล้มแล้วก็ต้องลุกขึ้นสู้ ตนตาบอดยังต้องสู้ เลย เดินชนไม้ ชนอะไรผมก็สู้ เดินชนรถเขา ถูกเขาด่าแค่ไหน ก็ต้องสู้ กัดฟันสู้เพื่อลูก อยากให้เขาเรียนสูงๆ จะได้ไม่โง่ไม่ลำบากเหมือนพ่อ ชายตาบอด กล่าว

 

นางหาม อุไรรักษ์ ภรรยาชายตาบอด กล่าวว่า ตนเองอยู่กับสามีมา 20 ปีแล้ว ซึ่งตนมีลูก 1 คนกับสามีเก่าและเลิกรากันไป ส่วนลูกก็มีครอบครัวไปแล้ว และมาคบกับสามีคนนี้และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คบกันตอนที่เขาตาบอดแล้ว ถึงแม้เขาตาบอด แต่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เพราะแกเป็นคนขยัน และมีน้ำใจ ตอนนี้ตนก็ทำงานยกอิฐบล็อกด้วยกัน ไม่มีงานก็ไม่มีรายได้ หาเช้ากินค่ำ สามีทำได้หลายอย่าง ทั้งรับจ้างทั่วไปและหว่านแห รวมทั้งขึ้นต้นไม้เก็บผักเก็บสะเดา ออกหาแทงกบ แทงปลาไหลได้หมด ตอนนี้ก็เป็นห่วงลูกสาวไม่มีเงินจะไปโรงเรียนที่กำลังจะเปิดเทอมนี้ ไปมอบตัวมาก็เสียเงินไปแล้ว 5 พัน เป็นเงินก้อนเดียวที่สะสมมาและยืมเพื่อนบ้านบ้าง เพื่อให้ลูกสาวได้เรียนต่อ นางหามฯกล่าว

 

 

 

 

นายนนทวัฒน์ แนบทางดี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ลุงสัจจา หรือลุงหงา แกเป็นคนขยัน ไม่อยู่นิ่ง ทั้งรับจ้างยกอิฐบล็อก หากบหาปลาขาย ขึ้นต้นไม้เก็บสะเดาได้หมด แต่ก็ไม่ได้มีงาน มีรายได้ทุกวัน เห็นแกทำแบบนี้มาตลอด ตนสงสารเห็นถึงความตั้งใจ อยากให้ลูกสาวแกได้เรียน อยากให้มีคนช่วยเรื่องทุนการศึกษา และช่วยซ่อมแซมบ้าน ลูกจะเปิดเทอม ไปมอบตัวลูกสาวที่โรงเรียนก็หมดค่าใช้จ่ายไปแล้ว 5 พัน เป็นเงินที่แกสะสมไว้และหยิบยืมชาวบ้านมา ตอนนี้แกก็อายุมากแล้ว หัวเขาก็เจ็บยืนนานไม่ได้ กลัวว่าต่อไปแกจะหากินเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ นายนนทวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือทุนการศึกษา ลูกสาวชายตาบอด หรือช่วยบริจาควัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน สามารถโอนเงินมาได้ที่บัญชีธนาคารออมสิน สาขาสุรินทร์ ชื่อบัญชี ด.ญ.กุ้งนาง ใจหาญ บัญชีเลขที่ 02 017 030 1657 หรือโทรศัพท์สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ของ ด.ญ..กุ้งนาง ใจหาญ โทร.082-5240300

 

 

 

 

ภาพ/ ทีมข่าวเฉพาะกิจสุรินทร์ และ เขมชาติ ชุณหกิจขจร

ข่าว/ รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดสุรินทร์