รู้จักกับพระโพธิสัตว์ กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้องทำแบบนี้

กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ต้องทำสิ่งเหล่านี้

การบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เรียกว่าการบำเพ็ญคุณธรรมที่จะทำให้เป็นพระพุทธเจ้า (พุทธการกธรรม) หรือเรียกว่า บารมีธรรม” ที่พระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้บริบูรณ์มี ๑๐ ประการคือ

๑.ทาน ได้แก่ การสละให้สิ่งที่สละให้มี ๓ ระดับ คือ
- ทรัพย์สิ่งของภายนอก
- อวัยวะในร่างกายของตน
- ชีวิตตนเอง หรือสิ่งเสมอด้วยชีวิตตน คือ บุตรภรรยา

๒.ศีล ได้แก่ คุณธรรมเครื่องปราบกิเลสอย่างหยาบได้แก่ กิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้ไม่สามารถยับยั้งใจไว้ได้ต้องลงมือกระทำความชั่วไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางวาจา ศีลที่พระโพธิสัตว์รักษามี ๒คือ
-นิจศีล (ศีล ๕)
- อุโบสถศีล (ศีล ๘)

๓.เนกขัมมะ ได้แก่ การออกจากกาม มี ๒ คือ
- ออกจากกามโดยสละบ้านเรือนออกบวช
- ออกจากกามโดยบำเพ็ญสมาธิจนได้บรรลุญาณ

๔.ปัญญา ได้แก่ ความรอบรู้ ความรู้อย่างลึกซึ้ง มี๓ คือ
- สุตมยปัญญา ปัญญาอันเกิดจากการศึกษาเล่าเรียน
- จินตามยปัญญาปัญญาอันเกิดจากการคิดพิจารณา
- ภาวนามยปัญญา ปัญญาอันเกิดจากการฝึกจิตอบรมจิต

๕.วิริยะได้แก่ความพากเพียรพยายาม การกระทำอย่างต่อเนื่อง ในทางที่ถูกต้องเรียกว่า สัมมัปปธาน มี๔ อย่างคือ
- สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น
- ปหานปธานเพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
- ภาวนาปธาน เพียรทำบุญให้เกิดขึ้น
- อนุรักขนาปธาน เพียรรักษาการทำบุญไว้ต่อเนื่อง


รู้จักกับพระโพธิสัตว์ กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้องทำแบบนี้

๖.ขันติ ได้แก่ ความอดทนมี ๓ คือ
- ตีติกขาขันติความอดทนแบบอดกลั้นต่ออารมณ์อันไม่พึงประสงค์ต่างๆ
- ตบะขันติความอดทนด้วยอำนาจตะบะ คือ สมาธิข่มใจ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส
- อธิวาสนะขันติความอดทนระงับยับยั้งไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นเลยแม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก

๗. สัจจะ ได้แก่ความจริง ความเที่ยงแท้ หมายถึง ความจริงใจ พูดและทำตามความคิด

๘. อธิษฐาน ได้แก่ความตั้งมั่น ความมั่นคง ไม่หวั่นไหว ในความคิดกระทำสิ่งใดก็ทำจนบรรลุเป้าหมาย

๙. เมตตา ได้แก่ความรัก ความปรารถนาดี ด้วยอำนาจคุณธรรมไม่ใช่รักและปรารถนาดีด้วยอำนาจกามราคะ

๑๐. อุเบกขา ได้แก่ความวางเฉย ความปล่อยวาง หมายถึง อาการที่จิตเป็นกลาง ไม่ยึดในความดีที่ตนเองได้กระทำลงไปและไม่ทุกข์ใจในการทำผิดซึ่งพลาดพลั้งเกิดขึ้น

รู้จักกับพระโพธิสัตว์ กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ต้องทำแบบนี้

บารมีทั้ง ๑๐ประการข้างต้นพระโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญด้วยความเสียสละตนเองเป็นอย่างยิ่ง อันเป็นส่วนของความเมตตากรุณาต่อปวงสัตว์ และจะต้องฝึกหัดบำเพ็ญบารมีอันนั้นให้เกิดเป็นความต่อเนื่องและจะต้องปฏิบัติให้ได้ตั้งแต่ระดับสามัญ (บารมี) จนถึงระดับที่กระทำได้ยากสุด (ปรมัตถบารมี)

ดังที่กล่าวไว้ตอนต้นแล้ว พระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติได้เพื่อให้เกิดคุณธรรมแก่กล้าอันเป็นป็นปัจจัยให้เกิด “โลกุตตรปัญญา” คือความเป็น “พุทธะ ในที่สุดและหากพระโพธิสัตว์ไม่สามารถบำเพ็ญบารมีทั้งสิบนี้ให้ครบถ้วนก็ไม่มีทางที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
 

แม้จะดูเหมือนเป็นการบำเพ็ญที่ยากเย็นแสนเข็ญ ในการบำเพ็ญบารมี แต่เป็นสิ่งที่เราทุกคน หากพัฒนาตนเองตามแนวทางแห่งพระโพธิสัตว์ แม้บารมีจะไม่สามารถเต็มบริบูรณ์ได้ในชาตินี้ แต่เชื่อได้แน่นอนอย่างหนึ่งว่า ชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง และได้อยู่ภายใต้การดูแลคุ้มครองจากบารมีพระโพธิสัตว์และรัตนตรัยอย่างแน่นอน