จริงหรือไม่!พระเจ้าตากไม่ได้วิปลาศ แต่มีคนสร้างข่าวลือ

สืบหลักฐานจากพงศาวดาร พระเจ้าตากนอกจากจะไม่ได้มีสัญญาวิปลาสแล้ว ยังปราถนาพุทธภูมิ

จากหนังสือ "ธรรมะของพระเจ้าตาก" โดยเวทิน ชาติกุล ได้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้อย่างน่าสนใจ เกี่ยวกับพระอาการของพระเจ้าตาก ที่มีคนพูดถึงกันว่าทรงปฏิบัติ เจริญกรรมฐานจนเป็นเสียพระสติ

ผู้เขียนได้รวบรวมหลักฐานจากพงศาวดาร เพื่อยืนยันว่า กษัตริย์นักรบผู้กู้ชาติด้วยปรีชาญาณนั้น ทรงปราถนาพุทธภูมิ และไม่ได้มีสัญญาวิปลาศแต่อย่างใด โดยเนื้อความมีว่า

 

ปี 2321

สามปีก่อนเหตุการณ์กบฎพระยาสรรค์

กรุงธนบุรี

 

        เป็นสองปีที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงพระกรรมฐานอย่างจริงจัง

        และเป็นช่วงเดียวกันที่ข่าวการทรงพระกรรมฐานอย่างจริงจังของพระองค์ปรากฏออกมาในทางลบ

        ความน่าสนใจในประเด็นนี้มิได้อยู่ที่ว่าพระเจ้าตากฯทรงพระกรรมฐานจนเริ่มมีพระจริยวัตร "ขาดๆเกินๆ" เมื่อใด? แต่อยู่ที่ว่า การระบุ(หรืออาจจะเรียกได้ว่ากล่าวหา) เช่นนั้นเกิดขึ้นเมื่อใด?

        และพวกแรกที่มองว่าการทรงกรรมฐานของพระเจ้าตากฯเป็นเรื่อง "ผิดปกติ" ก็คือพวกบาดหลวงฝรั่ง

    

        "...พระเจ้าตากสินทรงมีความคิดโลดโผน...ทรงพระราชดำริจะเป็นพระผู้เป็นเจ้า...และมีคนเรียกพระองค์ว่าพระผู้เป็นเจ้าแล้วก็มีเพราะในเรื่องนี้ไม่มีเลยที่ใครจะทำให้ถูกพระทัยตามวิถีดำเนินการที่ทรงพระราชดำริไว้นั้น ในชั้นต้นจะทรงเหาะขึ้นไปตามอากาศก่อนและเพื่อจะเตรียมการที่จะทรงเหาะนี้ ได้ทรงพิธีต่างๆในวัดและในวังมา 2 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นในเวลานี้จะต้องถือว่าพระเจ้าตากไม่ใช่เป็นมนุษย์ในโลกนี้แล้ว ถ้าเรื่องนี้ใครไปทูลคัดค้าน หรือในเวลาที่ทรงเข้าพิธีใครไปเฝ้าแล้ว คนนั้นจะเคราะห์ร้าย..." (บันทึก สังฆราชเลอบอง)

 

        "...พระเจ้าตากทรงรับสั่งอยู่เสมอว่า ทรงเหาะเหินเดินอากาศได้  เรา (คูเด้) ก็ทูลเสมอว่าเป็นการเป็นไปไม่ได้ เราได้ทูลบ่อยเข้าจนถึงกับทรงเบื่อไม่อยากฟังเราแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รับสั่งให้ไปเฝ้ามาได้ 1 ปีแล้ว..."

 

        "...พวกเราได้อยู่ในเมืองไทยโดยสุขสบายจนถึงเดือนกรกฏาคม ค.ศ.1779 (2322) ในระหว่างนั้น ช้าๆนานๆพระเจ้าตากก็กริ้วเราบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่ไม่ช้าก็หายกริ้วอีก พระเจ้าตากไม่ได้รับสั่งให้เราเข้าเฝ้าปีหนึ่งแล้ว ในระหว่างนั้นทรงสวดมนตร์บ้าง อดอาหารบ้าง จำศีลภาวนาบ้าง เพื่อเตรียมพระองค์สำหรับเหาะเหินเดินอากาศต่อไป...พวกพระสงฆ์ได้กราบทูลว่าถ้าเราอยู่ในพระราชอาณาเขตตราบใดก็จะทรงเหาะเหินเดินอากาศไม่ได้...ครั้นถึงวันที่ 1 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1779 (2322) พระเจ้ากรุงสยามได้มีรับสั่งให้พระยาพระคลังบอกให้เราออกไปพ้นอาณาเขต..." (บันทึก บาดหลวงคูเด้)

จริงหรือไม่!พระเจ้าตากไม่ได้วิปลาศ แต่มีคนสร้างข่าวลือ

        ต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าตากฯกับเหล่าบาดหลวงพัฒนาไปในทางลบถึงขั้น ถูกสั่งเฆี่ยน ถูกจำคุก และเนรเทศออกไปนอกพระราชอาณาจักร ซึ่งเรื่องนี้บันทึกร่วมสมัยฝ่ายสยามกลับไม่มีรายละเอียดมากนักเพียงกล่าวไว้สั้นๆในจดหมายเหตุโหรว่า "สั่งเฆี่ยนและจำคุกบาดหลวง" เท่านั้น

        สิ่งที่ควรรู้ไวัก็คือความเข้าใจผิดของบาดหลวงฝรั่ง มิได้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ใจ แต่กลับมีเรื่อง "ผลประโยชน์ขัดแย้ง" แฝงอยู่ เช่น บาดหลวงไม่ยอมให้ชาวสยามที่เข้ารีดเข้าพิธีถือน้ำพิพัฒสัตยา หรือไม่ยอมให้คนเข้ารีตทำงานวันอาทิตย์ นี่อาจเป็นเหตุผลจริงๆเบื้องหลังความกริ้วของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จนถึงขนาดที่ต้องถูกไล่ไม่ให้อยู่ในแผ่นดิน

        หลังจากพระเจ้าตากฯไล่บาดหลวงฝรั่งออกไปจากแผ่นดิน แต่เรื่องที่ฝรั่งเป็นผู้ "เปิดประเด็น" นี้กลับไม่หยุดลงไปด้วย  โดยเฉพาะในช่วงปีท้ายๆของรัชกาลที่บรรยากาศในกรุงธนบุรีเริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้นอันเนื่องมาจากพระองค์ทรงระแวงมากเป็นพิเศษว่าจะมีผู้คิดกบฎต่อพระองค์ หรือในช่วงที่พระองค์ทรงเข้มงวดกับวินัยในทัองพระคลังจนเกินพอดี  ทำให้ในช่วง 2 ปีนั้นมีข่าว "ซุบซิบ" หนาหูขึ้นว่าพระองค์ทรง "พระจริตฟั่นเฟือน" โยงใยอย่างสับสนปนเปไปกับเรื่องที่พระองค์ทรงหมกหมุ่นจริงจังกับพระกรรมฐาน ดังปรากฏ

จริงหรือไม่!พระเจ้าตากไม่ได้วิปลาศ แต่มีคนสร้างข่าวลือ

        "...ให้ปลูกไม้ไผ่ 1,000  ไม้แก่น 1,000  ให้ท่าท่านผู้มีบุญจะมาข้างหน้าจะได้สร้างปราสาท  ไม้ไผ่จะทำร่างร้าน  ไม้แก่นจะได้ทำเสาปราสาท  ปลูกไว้สำหรับผู้มีบุญจะมา  พระองค์ท่านจะเหาะแล้ว..."(จดหมายเหตุความทรงจำ ฉบับพิมพ์ปี 2516)

 

        "...เขาฟ้องว่าญวนเขมรรู้กันคิดกบฎต่อแผ่นดิน รับสั่งให้ประหารชีวิตเจ้านำก๊กเล่าเอี๋ย ลูกชายบรรดาพวกญวนฆ่าเสียครั้งนั้นมาก

        แล้วกริ้วข้างในนางอยู่งาน ลูกขุนนางไม่ใช้ ให้เก็บลูกพลเรือนชาวตลาดญวนงานกลางยกขึ้นไปเป็นนางอยู่งาน มารดาเจ้าอยู่งานเก่าให้เป็นเข็ญใจโทษ นุ่งตาเล็ดงาห่มผ้าสว้า ขับเจ้าหอกลางไปอยู่วังนอก เจ้าลูกเธอทรงผนวช แล้วเงินนอนเจ้าลูกเธอข้างในองค์ละ 100 ชั่ง ทองเครื่องประดับ 1 ชั่ง มอบให้พี่เลี้ยงนางนมคุมของไว้  พี่เลี้ยงยกขึ้นไปเป็นสมศรีสมทรง  ดูพระจริตฟั่นเฟือนเฝ้าแต่ฆ่าญวน..."(จดหมายเหตุความทรงจำ ฉบับพิมพ์ปี 2516)

 

 

        ซึ่ง "ข่าวเล่าข่าวลือ" นี้ก็ไม่ได้อยู่นอกสายพระเนตรพระกรรณของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ดังปรากฏที่พระองค์ทรงตรัสว่า "...กูวิตกแต่ศัตรูมาแต่ประเทศไกล แต่เดี๋ยวนี้ไซ้ลูกหลานของกูเองคิดว่ากูผิดเป็นบ้าเป็นบอแล้วดังนี้..."

        แต่เรื่องโจษขานเหล่านี้ไม่มีเรื่องใดที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายเท่ากับเรื่องที่พระองค์ทรงตัดสินความ "วิวาทะ" ในหมู่สงฆ์ในเวลาต่อมา

จริงหรือไม่!พระเจ้าตากไม่ได้วิปลาศ แต่มีคนสร้างข่าวลือ