ประสบการณ์จริง!!! พญานาคกลับชาติมาเกิด ถูกพาไปเที่ยวบาดาล สืบจากบันทึกประวัติเมืองคำชะโนด อุดรธานี

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

จากบันทึกประวัติคำชะโนดของนายสวาท  บุรีเพีย  อดีตศึกษาธิการอำเภอบ้าน ดุง  เล่าไว้ว่า หลวงปู่คำตา  ศิริสุทโธ  ชื่อเดิม   นายคำตา  ทองสี เหลือง   ท่านเกี่ยวข้องกับพญานาค  โดยชาวบ้านเชื่อว่าท่านเป็นบุตรบุญธรรม ของเจ้าปู่ศรีสุทโธหรือพญาศรีสุทโธนาค  พญานาคผู้ครองเมืองคำชะโนด   ท่าน เป็นชาวบ้านวังทอง  ตำบลวังทอง  อำเภอบ้านดุง  จังหวัดอุดรธานี  มีหลาย เรื่องเล่าแปลกประหลาดเกี่ยวกับตัวท่าน

ประสบการณ์จริง!!! พญานาคกลับชาติมาเกิด ถูกพาไปเที่ยวบาดาล สืบจากบันทึกประวัติเมืองคำชะโนด อุดรธานี

(ป่าคำชะโนด)

 วันหนึ่งท่านกับเพื่อน ๆ ไปซักผ้าที่กลางดงคำชะโนด  ขณะที่ตักน้ำอยู่นั้นก็มองเห็นปลาไหลตัวใหญ่ มี ตาแดงกร่ำโผล่ขึ้นมาให้เห็น  ท่านจึงเรียกให้เพื่อน ๆ มาดู  แต่ปลาไหลตัวนั้นมุดลงในบ่อน้ำไปอย่างรวดเร็ว  ทำให้เกิดคลื่นน้ำ สะเทือนอย่างน่ากลัว

เมื่อถึงฤดูฝนชาวบ้านพากันออกไปยกยอปลาในลำห้วย ใกล้ ๆ บ้าน  ขณะที่ยกยออยู่นั้นก็เกิดสิ่งประหลาดกับนายคำตา  รู้สึกคล้ายมีปลาตัว ใหญ่เข้ามาอยู่ในยอ จึงรีบยกยอขึ้น  แต่เมื่อยกยอเหนือพ้นน้ำสิ่งที่อยู่ในยอนั้น  แทนที่จะเป็น ปลาตัวใหญ่กลับกลายเป็นเต้าปูนที่เขาใช้บดปูนกินกับหมาก  เมื่อจะยื่นมือลง จะจับดู  เต้าปูนนั้นก็ดิ้นเหมือนปลาและกระโดดลงน้ำหายไป

เมื่ออายุครบ 20 ปี  นายคำตาก็ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดบ้านวังทอง  เรื่องผิดปกติก็ได้เงียบหายไป บวชอยู่ 3 พรรษาก็สึกออกมา

ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ทิดคำตาหรืออาจารย์คำตา  ออกไปเกี่ยวข้าวในนาที่บ่อผักไหม  ซึ่งห่างจากคำชะ โนดประมาณ 200  เมตร  เมื่อหยุดพักจากการเก็บเกี่ยวข้าวก็เดินไปที่กระท่อมที่ปลูกไว้ สำหรับพักและเฝ้านา พอเดินไปใกล้กระท่อมก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกอดเข่า อยู่บนกระท่อมโดยหันหลังให้  เมื่อเธอผู้นั้นหันหน้ามาก็เห็นว่าเป็นคนแปลก หน้าไม่เคยเห็นมาก่อนอายุราว 25 ปี  จึงเอ่ยถามผู้หญิงคนนั้นว่า

“นางมาจากไหน  จะมาหาใคร”

หญิงสาวยิ้มแล้วตอบว่า “มาหาอาจารย์คำตา  เพราะว่าเห็นพวกผู้หญิงเขาลือกันว่าเป็นผู้ชายงามรูปหล่อ”

“บ้านนางอยู่ที่ไหนล่ะ”

“อยู่ทุกหนทุกแห่งทั่ว ๆ ไป”

พอได้ฟังดังนั้นความกลัวก็เกิดขึ้นจึงตอบกลับไปว่า

ข้ารู้จักอาจารย์คำตาและสนิทสนมกันดี  บ้านอยู่ใกล้กันด้วย  จะไปบอกเขาให้นะ

กล่าวจบแล้วอาจารย์คำตาก็รีบเดินหนีไป  กลับเข้าไปในนาแล้วเล่าให้พี่เขยและญาติ ฟัง  จึงพารีบมาดูที่กระท่อม  แต่ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นได้หายไปแล้ว  ญาติ พี่น้องจึงเป็นห่วงอาจารย์คำตาเนื่องจากมีเหตุการณ์แปลก ๆ  กลัวจะเกิดอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุจึงหาวิธีป้องกัน

ขั้นแรกญาติพี่น้องให้เปลี่ยนชื่อ  โดยเปลี่ยนจาก  “คำตา” เป็น  “สุภาพ” ให้ทุกคนเรียกชื่อใหม่อย่าเรียกชื่อเก่า

ขั้นที่ 2  จัดพิธีแต่งงานหลอกๆ กับญาติผู้หญิงชื่อนางสาวทองคำ  สองพาลี

ขั้น ที่ 3  แต่งงานแล้วก็ย้ายหนีออกจากบ้านวังทองไปอยู่วัดบ้านหนองกา โดยไปขออาศัยอยู่กับท่านครูคำหรือพระครูสุภารโสภณ  เป็นเวลา 7 วัน  แล้วจึงย้ายกลับไปอยู่บ้านวังทองตามเดิม

ต่อมาอีก 2  เดือนญาติพี่น้องก็ได้ไปสู่ขอสาวบ้านเดียวกันจัดพิธีแต่งงานจริง ๆ อีกครั้งหนึ่ง  ชีวิตการครองเรือนดำเนินไปอย่างมีความสุข  จนกระทั่งภรรยา ตั้งท้องและคลอดลูกชายคนแรก

ประมาณเดือน 12 น้ำเริ่มลดลงฝั่ง  ในคืนหนึ่งอาจารย์คำตานอนหลับแล้วฝันไปว่า  เจ้าปู่ศรีสุ ทโธได้มาหาที่บ้านเพื่อขอร้องให้ตนไปประกวดชายงามที่เมืองบาดาล  แต่ตนไม่ ได้ตอบตกลง

คืนต่อมาก็ฝันอย่างเดียวกันอีก  เจ้าปู่ศรีสุทโธได้ถามถึง เหตุผลที่ไม่ยอมไปประกวดชายงาม  มีเหตุขัดข้องประการใดขอให้บอก  อาจารย์คำ ตาจึงตอบตรง ๆ ไปว่า  มีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ  “กลัว” กลัวจะพลัดพรากตายจากครอบครัว

เมื่อ ทราบปัญหาอย่างนั้น  เจ้าปู่ศรีสุทโธก็ตอบตกลงปกป้องคุ้มครองและรับประกัน ว่าจะให้กลับมาอยู่กับลูกเมียแน่นอน  เมื่อเจ้าปู่ศรีสุทโธขอร้องหนัก ๆ และรับประกันอย่างแข็งขัน  อาจารย์คำตาจึงตอบตกลงไปประกวดชายงามตามคำ ขอ  โดยขอร้องเจ้าปู่ศรีสุทโธว่า  เมื่อประกวดเสร็จแล้วจะต้องรีบนำตัวกลับ มาส่งบ้านโดยเร็ว  เจ้าปู่ศรีสุทโธก็รับที่จะปฏิบัติตามคำขอทุกอย่างและนัด วันเวลาที่จะมารับเรียบร้อย

ประสบการณ์จริง!!! พญานาคกลับชาติมาเกิด ถูกพาไปเที่ยวบาดาล สืบจากบันทึกประวัติเมืองคำชะโนด อุดรธานี

(บาดาล)

เมื่อเล่าความฝันให้ภรรยาและญาติฟัง  ทุก คนทั้งชาวบ้านที่ได้รู้เรื่องต่างก็เกิดความวิตกกังวลกลัวว่าอาจารย์คำตาจะ ตายจากไปอยู่กับเจ้าปู่ศรีสุทโธในเมืองบาดาล  จึงช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด

พอ ถึงวันกำหนดนัดหมายเจ้าปู่ศรีสุทโธจะมารับตัวไปประกวดชายงาม  ผู้ใหญ่บ้าน ได้ประกาศห้ามบรรดาลูกบ้านทุกคนออกนอกเขตหมู่บ้าน  จนถึงเวลานัด หมาย  เหมือนมีสิ่งดลใจให้ชาวบ้าน  เกิดความสบายใจพากันกลับบ้านของตนเหลือ อยู่บ้านอาจารย์คำตาเพียงไม่กี่คน

ทันใดนั้นเอง  อาจารย์คำตาซึ่งนอน พักอยู่บนเรือนได้ลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดลงบันได  ตรงไปทุ่งนาใกล้ลำห้วยทางทิศ ตะวันตกของหมู่บ้าน  ญาติพี่น้องและชาวบ้านที่เหลืออยู่เห็นเช่นนั้นก็รีบ วิ่งตามไปอย่างกระชั้นชิด  แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  ร่าง กายของอาจารย์คำตาหายวับไปกับตา  ทั้ง ๆ ที่เป็นทุ่งนาโล่งแจ้งไม่มีต้นไม้พอที่จะบังร่างของคนหนึ่งคนได้เลย   ทุกคน ตกใจค้นหาหลายชั่วโมงแต่ก็ยังไมพบ  จึงปรึกษากันไปตามหมอดูและหมอธรรม (ร่าง ทรงภาคอีสาน) เมื่อดูแล้วก็บอกให้ทราบว่า   เจ้าปู่ศรีสุทโธมารับไปประกวด ชายงามแล้วและปลอดภัยดีไม่เป็นอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น

จนกระทั่งเวลา ประมาณ 17.30 น. ของวันรุ่งขึ้นก็พบร่างอาจารย์คำตานอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนคันนาตรงจุดที่ หายไป  จากนั้นจึงทำการรักษาในหมู่บ้านอยู่นานจึงคืนสติคืนมา

พอฟื้น ท่านก็เล่าให้ฟังว่า  เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าปู่ศรีสุทโธได้นำพาหนะชนิด หนึ่งมารับที่บ้าน  มีลักษณะคล้ายอู่สวยงามแต่บินได้  เจ้าปู่พาบินไปทางทิศ เดียวกับเมืองคำชะโนด

เมืองนั้นสวยงามมาก  มีปราสาทมีบ้านเรือนมาก มาย  อู่ยนต์ได้บินไปปราสาทที่สวยงามที่สุด  ซึ่งเป็นปราสาทของเจ้าปู่ศรีสุทโธนั่นเอง  เมื่อถึงปราสาทก็ลงจากอู่ยนต์  เข้าไปในห้องหนึ่งเพื่อเปลี่ยน เสื้อผ้าที่สวยงามซึ่งเจ้าปู่เตรียมไว้ให้แล้ว  เมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย  เจ้าปู่ก็สอนวิธีการเดินและการวางตัวบนเวทีประกวดให้อย่างละเอียด  พอได้เวลาเจ้าปู่ก็พาเดินไปยังเวทีประกวดซึ่งมีขนาดกว้างใหญ่มากและมีคนเฝ้าชม งานประกวดมากมาย

ประสบการณ์จริง!!! พญานาคกลับชาติมาเกิด ถูกพาไปเที่ยวบาดาล สืบจากบันทึกประวัติเมืองคำชะโนด อุดรธานี

(ทางเข้าป่าคำชะโนด)

การประกวดปรากฏว่าอาจารย์คำตาได้ตำแหน่งชนะ เลิศ  เมื่อประกวดเสร็จกรรมการก็มอบรางวัลให้แต่ท่านไม่รับ  กรรมการได้ขอร้องให้ท่านไปประกวดต่อที่ปากกระดึงและปากงึมซึ่งจัดงานเหมือนกัน  แต่เจ้า ปู่ศรีสุทโธไม่อนุญาต  เพราะต้องรีบนำอาจารย์คำตาส่งกลับบ้านตามที่สัญญาเอา ไว้  แล้วเจ้าปู่ก็พาขึ้นอู่ยนต์ลำเดิมเดินทางกลับบ้าน

ต้นเดือน กุมภาพันธ์  พ.ศ.2530  ในคืนวันพระ  ขณะที่ท่านรักษาศีลอยู่ในวัดท่านก็ฝัน ไปว่า  เจ้าปู่ศรีสุทโธมาขอร้องให้ท่านบวชแต่การพูดจายังไม่เป็นที่ตกลงกัน  เพราะใจท่านยังไม่อยากบวช  ยังเป็นห่วงลูกหลานอยู่

ในวันพระที่ 2  ท่านก็ฝันว่าเจ้าปู่ศรีสุทโธได้มาขอร้องให้ท่านบวชอีก  แต่ท่านก็ยังไม่ตกลงจนถึงวันพระที่ 3   เจ้าปู่ได้มาเข้าฝันอีก  แต่คราวนี้อาจารย์คำตารู้สึกโล่งใจ  คล้ายมีอะไรมาดลใจ  จึงตกปากรับคำจะบวช

 เมื่อตกลงแล้วท่านก็แนะนำเรื่องที่จะบวช   ให้เข้านาคโกนหัวให้นุ่งขาวห่มขาวในวัน 12 ค่ำ  เอาฝ้ายที่จะผูกข้อมือนาคในวันบายศรีสู่ขวัญนาคไปแขวนไว้ในศาลเจ้าปู่ ศรีสุทโธในคำชะโนด  และให้บวชในวันพระขึ้น  15 ค่ำ ซึ่งเจ้าปู่ศรีสุทโธก็จะร่วมพิธีและอนุโมทนาในการบวชครั้งนี้ด้วย  การบวช ครั้งนี้อาจารย์คำตามีอายุมากแล้วชาวบ้านจึงเรียกหลวงปู่คำตา  และมีนามสมญา พระว่า “ศิริสุทโธ”

หลวงปู่คำตาบวชและจำวัดอยู่ที่วัดบ้านวังทองได้ ระยะหนึ่งก็ย้ายมาตั้งสำนักสงฆ์ใกล้ ๆ คำชะโนด  และได้พัฒนาบุกเบิกก่อตั้งพัฒนาจนมีความเจริญตั้งเป็นวัด ชื่อ  “วัดศิริสุทโธคำชะโนด”

คืนหนึ่งในระหว่างกลางพรรษาได้ฝันว่า หลวงปู่พาเข้าไปในคำชะโนดไปดูทรัพย์สินทั้งหมดในเมืองคำชะโนด  เสร็จแล้วก็ นำหลวงปู่คำตาขึ้นไปบนศาลาหลังใหญ่ซึ่งมีคนนั่งรอจำนวนมากประกาศให้ทุกคนทราบ

“นี่ คือลูกชายของเจ้าปู่  ต่อไปนี้ทรัพย์สินและการปกครองเมืองคำชะโนดนี้จะยกให้ ลูกชาย  ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งและอยู่ในความปกครองของลูกชายตั้งแต่บัด นี้เป็นต้นไป”

หลวงปู่คำตาได้อาพาธและได้มรณภาพ  วันที่ 15  สิงหาคม พ.ศ. 2533

ประสบการณ์จริง!!! พญานาคกลับชาติมาเกิด ถูกพาไปเที่ยวบาดาล สืบจากบันทึกประวัติเมืองคำชะโนด อุดรธานี

(หนังสือประวัติหลวงปู่คำตา)

 

ติดตามอ่านเรื่อง : “เผยตำนานป่าอาถรรพณ์ เกาะประหลาดลอยน้ำ มีต้นชะโนดแห่งเดียวในโลก เป็น แลนด์มาร์กทางเชื่อมไปบาดาล

คลิกที่  http://panyayan.tnews.co.th/contents/201699/