เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์กับหลวงปู่ชา... พบกันครั้งแรกทำไม หลวงปู่ชา จึงอึ้ง!!!

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์กับหลวงปู่ชา... พบกันครั้งแรกทำไม หลวงปู่ชา จึงอึ้ง!!!

หลวงปู่เฒ่าทองรัตน์เป็นพระอริยะที่หาได้ยากยิ่ง หากได้อ่านหนังสือ "มณีรัตน์" ย่อมจักทราบถึงปฏิปทาอันเลิศ

หลวงพ่อชาเล่าว่า พระอาจารย์ทองรัตน์เป็นผู้อยู่อย่างผ่องแผ้วจนกระทั่งวาระสุดท้ายเมื่อท่านมรณภาพนั้น ท่านมีสมบัติในย่ามคือมีดโกนเพียงเล่มเดียวเท่านั้น

หลวงปู่กินรี จันทิโย ศิษย์ต้นรูปแรกผู้ใกล้ชิดที่สุดได้เล่าถึงหลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโลว่าเป็นพระอาจารย์ผู้เฒ่าที่มีปฏิปทาสูงยิ่งท่านมีความรู้ความสามารถเก่งกาจเฉพาะตัวเป็นนายทัพธรรมที่หลวงปู่มั่นท่านไว้วางใจที่สุด นิสัยของพระอาจารย์ทองรัตน์นี้ท่านมีความห้าวหาญและน่าเกรงกลัวยิ่งนักซึ่งในบางครั้งกิริยาท่าทางของท่านออกจะดุดันวาจาก้าวร้าวแต่ภายในจิตใจจริงๆของท่านนั้นไม่มีอะไรเรื่องของพระอาจารย์ทองรัตน์ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่กินรีนี้มีอยู่มากมาย

เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์กับหลวงปู่ชา... พบกันครั้งแรกทำไม หลวงปู่ชา จึงอึ้ง!!!

เช่นในคราวหนึ่งซึ่งเป็นขณะที่พระอาจารย์ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพงในปัจจุบันท่านเดินธุดงค์รอนแรมไปตามป่าเขาในเขตจังหวัดต่างๆอยู่นั้นพอพระอาจารย์ชาได้ยินกิตติศัพท์ของท่านอาจารย์ทองรัตน์จึงตั้งใจจะไปกราบคารวะและรับโอวาทธรรมจากท่านขณะอยู่ที่วัดป่าบ้านชีทวนเขื่องใน

เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์กับหลวงปู่ชา... พบกันครั้งแรกทำไม หลวงปู่ชา จึงอึ้ง!!!

เมื่อพระอาจารย์ชาเดินทางมาถึงวัดของท่านอาจารย์ทองรัตน์จึงได้ปลดบาตรย่ามและลดจีวรลงเดินเข้าไปในอารามตามธรรมเนียมในอาคันตุกวัตรทุกประการ  พระอาจารย์ชาได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งที่พระอาจารย์ทองรัตน์บอกให้มาต้อนรับจึงถามว่าท่านอาจารย์ทองรัตน์อยู่ไหน  พระรูปนั้นได้ชี้นิ้วไปอีกทางหนึ่ง...เป็นเครื่องหมายว่าท่านอาจารย์ทองรัตน์อยู่ที่โน่นพระอาจารย์ชาจึงวางบริขารแล้วเดินตรงไปหาซึ่งขณะนั้นท่านอาจารย์ทองรัตน์กำลังยืนเอามือถือไม้กวาดอยู่  พอไปถึงกำลังจะคุกเข่าก้มลงกราบท่านอาจารย์ทองรัตน์ก็เหลียวมามองหน้าพร้อมกับชิงถามขึ้นก่อนว่า

“ชา...มาแล้วหรือ”

ทำเอาพระอาจารย์ชารู้สึกแปลกใจที่ท่านกล่าวเรียกชื่อได้ถูกต้องทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน

  เมื่อหลวงปู่ทองรัตน์กับหลวงปู่ชา... พบกันครั้งแรกทำไม หลวงปู่ชา จึงอึ้ง!!!

 

ที่มา:  http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=33368

         หนังสือ "มณีรัตน์