"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

ติดตามเรื่องราวดี ๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

             ช่วงปี พ.ศ.2461 ได้มีการประหารนักโทษสำคัญคนหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นเขาคือ "บุญเพ็ง" ซึ่งก่อคดีฆ่าคนตายหลายชีวิต และศพที่ "บุญเพ็ง"ฆ่านั้นก็ได้นำมาใส่หิบเหล็กแล้วโยนทิ้งน้ำทุกครั้งจนชาวบ้านขนานนามว่า "บุญเพ็ง หิบเหล็ก" (สมัยนั้นไม่มีการใช้นามสกุล คำว่าหิบเหล็กต่อท้ายเป็นฉายามาจากพฤติกรรมฆ่าแล้วหั่นศพ จากนั้นก็นำมาใส่หิบเหล็กแล้วยกขึ้นรถเจ๊กลากไปทิ้งที่คลอง) บุญเพ็งคือฆาตกรฆ่าหั่นศพคนแรกของเมืองสยาม...ได้ฉายาจากชาวต่างชาติว่า "The Murderer Iron Box"

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

            บุญเพ็ง เกิดที่ท่าอุเทน จ.นครพนม พ่อมีเชื้อสายจีน แม่เป็นชาวญ้อ(ลาว) พออายุได้ 3 ขวบ จึงอพยพมาอยู่ที่บางปะกอก พอเติบใหญ่เป็นหนุ่มได้ศึกษาทางไสยศาสตร์จากหลายสำนักจนเก่งในเรื่องพยากรณ์ เมตตามหานิยม เสน่ห์ยาแฝด ประกอบกับเป็นผู้มีรูปร่างหน้าตาดีจึงเป็นที่หมายปองและถูกตาถูกใจของเพศตรงข้าม (บางที่บอกว่าถูกเลี้ยงดูโดยตา-ยาย ซึ่งตา-ยายได้ห้ามไม่ให้ไปเรียนพวกไสยศาสตร์ แต่บุญเพ็งเองก็ไม่ได้สนใจอะไร)

           ด้วยความที่เป็นคนมีเสน่ห์จึงมักเกิดปัญหาสาวๆแก่งแย่งกันบ่อยครั้ง พออายุได้ 27 ปี ก็ไปบวชเป็นพระอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ได้ 2 พรรษา ผ้าเหลืองร้อนจึงลาสิกขาบทออกมาประกอบอาชีพหมอดู รับทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอย ฯลฯ...ใช้ชีวิตเสเพลดื่มสุรายาเมาและเล่นการพนัน จนกระทั่งกลายเป็นผีพนันถอนตัวไม่ขึ้น เขาต้องการเงินจำนวนมากเพื่อเล่นการพนัน วิธีง่ายๆแต่ได้เงินมากและรวดเร็วที่สุดในสมัยนั้น คือ"ฆ่าชิงทรัพย์" และแล้วการฆาตกรรมต่อเนื่องก็บังเกิด

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

            เหยื่อรายแรก คือนายล้อม พ่อค้าเพชรพลอย บุญเพ็งก็ร่วมมือกับนายจรัลลูกสมุนคู่ใจ ฆ่าแล้วนำเงินและทรัพย์สินมาแบ่งกันและหั่นศพเป็นชิ้นใส่หิบเหล็ก (บางแหล่งข่าวบอกว่าไม่ได้หั่นศพ แต่ยัดใส่หิบเลย...บางแห่งบอกว่าจำเป็นต้องหั่นแขน-ขาของศพเพราะยัดศพใส่หิบไม่ได้ ที่สำนักของเขามีหิบเหล็กโบราณอยู่ถึง 7 ใบ แต่บางที่ก็บอกว่ามีแค่ 3 ใบ) และให้นายจรัลจ้างรถเจ๊กไปทิ้งที่คลองบางลำพูเวลาเที่ยงคืนเพื่อทำลายหลักฐาน พร้อมกับหิบเหล็กที่หายไป 1 ใบ

            เหยื่อรายที่ 2 เป็นชายไม่ทราบชื่อ รู้แต่ว่าเป็นผีพนันและวันนั้นเขาได้เงินพนันมาบุญเพ็งและนายจรัลเลยวางแผนล่อไปฆ่าเพื่อชิงเงินพนันและแบ่งทรัพย์สิน หั่นศพเป็นชิ้นใส่บเหล็กแล้วให้นายจรัลเอาไปทิ้งที่คลองบางลำพูอีกศพ พร้อมกับหิบเหล็กที่หายไปอีก 1 ใบ

              วันเวลาผ่านไปพร้อมกับบเหล็กที่หายไปทีละ 1 ใบจนมาถึงเหยื่อรายสุดท้าย เป็นคุณนายของท่านขุนสิทธิคดี (ปลั่ง) ชื่อนางปริก รูปร่างดี แต่งกายทองเต็มตัว บุญเพ็งก็เสพสมแล้วกลายเป็นขาประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งหญิงคนนั้นก็เกิดตั้งท้อง ยื่นคำขาดให้บุญเพ็งรับผิดชอบตนเป็นเมียอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งบุญเพ็งบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา สุดท้ายบุญเพ็งทนไม่ไหวจึงต้องฆ่า

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

              วันสุดท้ายที่คนพบเห็นนางปริก เธอแต่งตัวสวยงาม ประดับประดาด้วยเครื่องเพชรทองนินจินดาเต็มตัวเหมือนตู้ทองเคลื่อนที่ จนใครๆรู้สึกว่าสวยเป็นพิเศษ โดยหารู้ไม่ว่านี่คือวาระสุดท้ายของนางปริกและลูกในท้องของเธอ คราวนี้มาแปลกเพราะบุญเพ็งลงมือฉายเดี่ยวฆ่านางปริก ปลดทรัพย์สินไปจนหมดสิ้นและหั่นศพเป็นท่อนๆยัดลงหิบ (บ้างก็ว่ายัดลงหิบไปเลยไม่ได้สับ)ใส่รถเจ๊กนำไปทิ้งที่คลองอีกเช่นเคย(และเป็นหีบใบสุดท้ายที่มี)

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

            คราวนี้หิบเหล็กของนางปริกดันไม่จมลงสู่ก้นคลองบางลำพู แต่ลอยไปติดกอสวะ คนงมกุ้งเกิดมาเห็นนึกว่าเป็นของมีค่า แต่เมื่อครั้นเปิดออกก็มีศพผู้หญิงยัดใส่อยู่ในหิบใบนั้น อำมาตย์เอกพระยานนทบุรี นครบาลจังหวัดนนทบุรีเริ่มสืบหาผู้ปกครองโดยแจ้งลงในหนังสือพิมพ์  และเพียงวันเดียวคดีบลอยน้ำก็คลี่คลายไขปริศนาได้อย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าศพนี้เป็นศพของนางปริก มารดาของผู้ตายเข้าแจ้งต่อตำรวจว่านางปริกลูกสาวได้แต่งตัวจะไปงานสวนจิตรลดา ก่อนออกจากบ้านวันนั้นเธอได้รับจดหมายจากนายบุญเพ็ง(ซึ่งมีความสัมพันธ์กันในขณะที่บุญเพ็งยังบวชอยู่)ให้ไปรับสร้อยที่นายบุญเพ็งยืมไป แล้วจากนั้นนางปริกก็หายไปไม่กลับบ้านอีก ตำรวจออกตามล่านายบุญเพ็งทันที

               หลังจากนั้นบุญเพ็งได้หนีไปบวชเป็นพระที่วัดแถวอยุธยา แล้วไม่รู้เป็นเวรเป็นกรรมอะไรทำให้บุญเพ็งต้องสึกออกมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองหมายปอง และคืนนั้นเองยังไม่ทันจะได้ถึงสวรรค์ ก็มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาล้อมจับไว้ได้โดยละม่อมในข้อหาฆ่าคนตายอย่างเหี้ยมโหด และศาลได้ตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการตัดหัวให้ตายตกไปตามกัน (สมัยนั้นเรียกว่ากุดหัว) ณ.ป่าช้าวัดภาษี ซึ่งนักโทษรายนี้ใจแข็งมากร้องขอไม่ให้ผูกตาเพื่อขอดูโลกเป็นครั้งสุดท้าย ในช่วงประหารชีวิตนั้นได้มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคนแม้กระทั่งเจ้าสาวซึ่งยังไม่ทันจะส่งตัวเข้าหอก็ไม่มา

                19 กุมภาพันธ์ 2462 (บางที่บอกว่า 19 สิงหาคม) ได้มีการประหารบุญเพ็งโดยการตัดหัว ซึ่งเป็นนักโทษที่ถูกประหารด้วยการตัดหัวเป็นคนสุดท้าย ในช่วงประหารชีวิตนั้นเองเพชรฆาตรำดาบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ลงดาบอันคมกริบลงบนคอ แทนที่คอจะขาดเลือดพุ่งกระฉูดกลับกลายเป็นว่าคมดาบนั้นไม่ได้ระคายผิวเลยแม้แต่น้อย

จนเพชรฆาตพูดว่า "มีดีอะไร ให้เอาออกเสียเถอะ"

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

 หลังจากนั้นมีคนบอกว่าเห็นบุญเพ็งคายของบางอย่างออกมาแล้วเพชรฆาตจับเขวี้ยงทิ้งหายไปในกอไผ่ (บางที่บอกว่าเป็นพระแล้วเพชรฆาตจับขว้างทิ้งเข้าไปในกอไผ่... บางที่ไม่ได้บอกว่าเป็นวัตถุอะไรแต่มีสีดำ เมื่อบุญเพ็งคายออกมาก็หายไป!!)

             คราวนี้เพชรฆาตรำดาบใหม่ ดาบหน้ารำจนบุญเพ็งเคลิ้มเผลอทันใดนั้นดาบหลังฟัน ฉับ!! คราวนี้คอขาด หัวกระเด็น จนเลือดพุ่งกระฉูด ผู้คนที่มาดูต่างร้องวี๊ดวว๊ายระงมว่ากันว่าขณะที่ศีรษะถูกคมดาบของเพชรฆาตฟันฉับนั้น ในช่วงวินาทีสั้นๆชาวบ้านหลายคนได้เห็นมุมปากของบุญเพ็งขมุบขมิบเหมือนท่องคาถาอะไรสักอย่าง ซึ่งว่ากันว่าอาจจะเป็นไพ่ตายคุณไสย์ครั้งสุดท้ายของเขาเพื่อที่จะป้องกันชีวิตของเขาก็เป็นได้

             ศพของ บุญเพ็ง หิบเหล็ก ถูกนำไปฝังไว้ในป่าช้านั้นเอง จนภายหลังญาติมาจัดการเผาศพตามพิธี และกล่าวกันว่ารอยสักช่วงแผ่นหลังของเขาไฟไม่ไหม้ ส่วนกระดูกนั้นบรรดาญาติเก็บใส่เจดีย์ไว้ข้างๆอุโบสถ์วัด

"บุญเพ็ง หีบเหล็ก" ฆาตกรจอมไสยเวทย์ นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารโดยการตัดหัว.. ฟันทีแรกคอไม่ขาด จนเพชรฆาตต้องขอให้คายของออก!!

             พ.ศ. 2536 เจดีย์ถูกรื้อออก ทางวัดภาษีจึงได้ให้ช่างปั้นรูปจำลองไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์และตั้งไว้ในศาลเล็กติดกับวิหาร ซึ่งเป็นอนุสรณ์ว่าเขาเป็นนักโทษประหารด้วยการกุดหัวคนสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2474 และเรียกศาลนั้นว่า "ศาลปู่บุญเพ็ง"และหีบเหล็กที่ใช้ยัดศพได้มีคนไปกราบไหว้บูชา เสี่ยงโชคลาภและเข้าใจว่าวิญญาณของเขายังไม่ได้ไปผุดไปเกิดจนถึงปัจจุบันนี้เพื่อไถ่บาปอีกนับร้อยนับพันปี ปัจจุบันศาลบุญเพ็ง หิบเหล็กตั้งอยู่ที่วัดภาษี ซอยเอกมัย 23 แขวงคลองตันเหนือ กรุงเทพมหานคร

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.dek-d.com/board/view/2693581/ และ http://www.baabin.com/32428/