"มีแค่บาตรกับจีวรก็พอแล้ว!!" ... ชีวิต "ง่ายแต่งาม" ของ "หลวงพ่อชา" ที่พระติดหรูจงดูเป็นตัวอย่าง!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งพระอริยสงฆ์ http://panyayan.tnews.co.th

หลังจากที่ "หลวงพ่อชา สุภัทโท" ได้ริเริ่มบุกเบิกวัดหนองป่าพงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นต้นมา วัดนี้ก็ค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี อันเป็นเหตุให้มีผู้คนหลั่งไหลมาจาริกบุญและศึกษาธรรมที่วัดนี้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย  ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งจึงมีความคิดว่า วัดหนองป่าพงควรจะมีมูลนิธิเหมือนอย่างวัดอื่นบ้างเพื่อจะได้มีทุนดำเนินงานอย่างมั่นคง

เมื่อลูกศิษย์นำความดังกล่าวไปปรึกษาหลวงพ่อชา ประโยคแรกที่ท่านตอบก็คือ

"อย่างนั้นก็ดีอยู่ ... แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ถูกต้อง"

แล้วหลวงพ่อชาก็ให้ความเห็นว่า

"ถ้าพวกท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วก็คงจะไม่อด  พระพุทธเจ้าท่านก็ยังไม่เคยมีมูลนิธิเลย  ท่านก็โกนหัว ปลงผม ทำอะไรเหมือนพวกเรา ท่านก็ยังอยู่ได้  ท่านได้ปูทางไว้ให้แล้ว เราก็เดินตามทางของท่าน...ก็น่าจะพอไปได้นะ"

แล้วหลวงพ่อชาก็สรุปว่า

"บาตรกับจีวรนี่แหละ...มูลนิธิที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ให้เรา ... กินไม่หมดหรอก!"

 

"มีแค่บาตรกับจีวรก็พอแล้ว!!" ... ชีวิต "ง่ายแต่งาม" ของ "หลวงพ่อชา" ที่พระติดหรูจงดูเป็นตัวอย่าง!!

หลวงพ่อชา สุภัทโท

หลวงพ่อชาเป็นอยู่อย่างมักน้อยสันโดษมาก  กุฏิของท่านแทบจะโล่งเพราะมีแต่เตียงนอนและของใช้ที่จำเป็น เช่น กระโถน  ไม่มีของใช้ฟุ่มเฟือยเลย  ส่วนวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ญาติโยมนำมาถวายอยู่เสมอนั้น ท่านก็ส่งต่อไปให้ลูกศิษย์ตามวัดสาขาต่าง ๆ หมด

หลวงพ่อชาไม่เคยมีบัญชีเงินฝากส่วนตัว  ปัจจัยหรือเงินทำบุญที่ญาติโยมถวายนั้น ท่านให้เป็นของกลางทั้งหมด

"เราพอกินพออยู่แล้ว ... จะมากอะไรทำไมนะ ... กินข้าวมื้อเดียว!"  ท่านว่า

บ่อยครั้งที่ญาติโยมมาตัดพ้อต่อว่า เพราะได้ปวารณาถวายปัจจัยไว้ให้หลวงพ่อชาใช้ในกิจส่วนตัว แต่ท่านก็ไม่เคยเรียกใช้สักที  ท่านเคยปรารภกับลูกศิษย์ว่า

"ยิ่งเขามาปวารณาแล้ว ผมก็ยิ่งกลัว!"

 

"มีแค่บาตรกับจีวรก็พอแล้ว!!" ... ชีวิต "ง่ายแต่งาม" ของ "หลวงพ่อชา" ที่พระติดหรูจงดูเป็นตัวอย่าง!!

คราวหนึ่งมีผู้เอารถไปถวายหลวงพ่อชา รบเร้าให้ท่านรับให้ได้ โดยการขับรถมาจอดไว้หลังกุฏิของท่าน แล้วเอากุญแจใส่ย่ามท่านไว้  แต่ปรากฏว่าท่านไม่เคยไปดูรถคันนั้นเลย  เวลาออกจากกุฏิ ท่านจะเดินไปทางอื่น  เวลาจะไปในเมือง ท่านก็ขึ้นรถคันอื่น

หลังจากนั้นเจ็ดวัน หลวงพ่อชาก็เรียกโยมคนหนึ่งมาหาแล้วบอกว่า

"ไปบอกเขาเอารถกลับคืนไปนะ!  เอามาถวายเรา เราก็รับไปแล้ว ได้บุญแล้ว ... ตอนนี้เราจะส่งคืน มันไม่ใช่ของพระ"

อีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อชาจะไปวัดถ้ำแสงเพชร  ลูกศิษย์ที่มีรถส่วนตัวคันงามยี่ห้อดังต่างแย่งกันนิมนต์ให้ท่านขึ้นรถของตนซึ่งจอดเรียงรายอยู่ที่ลานวัดให้ได้  หลวงพ่อชากวาดตาดูสักครู่ก็ชี้มือไปที่รถเก่าบุโรทั่งคันหนึ่งพร้อมกับพูดว่า

"เอ้า...ไปคันนั้น!"

เจ้าของรถได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจสุดขีด...รีบเปิดประตูนิมนต์ให้หลวงพ่อนั่ง

ว่ากันว่า การเดินทางวันนั้นใช้เวลานานกว่าปกติ เพราะขบวนรถคันงามความเร็วสูงต้องค่อย ๆ ขับตามหลังรถโกโรโกโสไปโดยดุษณีภาพ!!

 

"มีแค่บาตรกับจีวรก็พอแล้ว!!" ... ชีวิต "ง่ายแต่งาม" ของ "หลวงพ่อชา" ที่พระติดหรูจงดูเป็นตัวอย่าง!!

 

ที่มา : http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_38.htm