- 19 ต.ค. 2559
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th
โดย พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร
วันที่ ๒๘ เมษายน มีความสำคัญอย่างยิ่งอยู่ประการหนึ่งคือ เป็นวันครบรอบพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันนั้นนอกจากจะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ตามประเพณีแล้ว ตอนค่ำมักจะมีงานพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และข้าราชบริพาร ที่ไปเฝ้าฯ ถวายพระพรในโอกาสนี้
ถ้าเป็นขณะที่ประทับอยู่ที่วังไกลกังวล การพระราชทานเลี้ยงก็มักจะจัดที่สนามหญ้าริมทะเล หน้าพระตำหนัก นอกจากโต๊ะเสวยซึ่งใช้มหาดเล็กเชิญพระกระยาหารและนำอาหารไปวางให้ผู้รับพระราชทานจนถึงโต๊ะแล้ว ผู้รับพระราชทานเลี้ยงคนอื่นลุกไปตักอาหารเองแบบบุฟเฟ่ต์แล้วยกไปนั่งรับประทานตามโต๊ะต่างๆ ที่จัดไว้รอบๆ โต๊ะเสวย
สมัยนั้น (พ.ศ. ๒๕๑๓) เป็นธรรมเนียมที่พอเสวยเสร็จ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปยังเวทีที่จัดเตรียมไว้ แล้วทรงดนตรีร่วมกับนักดนตรีสมัครเล่นวง อ.ส. (ย่อมาจาก “อัมพรสถาน” ซึ่งเป็นชื่อพระที่นั่งอัมพรสถานในพระราชวังดุสิต) พระราชทานแก่ผู้ที่ไปเฝ้าฯ รับพระราชทานเลี้ยงในงานนั้น เริ่มทรงดนตรีเมื่อเวลาประมาณ ๒๑ นาฬิกา และครั้งหนึ่งประทับอยู่บนเวทีโดยไม่ทรงลุกหรือเสด็จฯ ลงไปที่ไหนเลย จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น ระหว่างนั้น นักดนตรีของ อ.ส. ได้ผลัดกันถวายบังคมแล้วถอยออกไปเข้าห้องน้ำหรือเปลี่ยนอิริยาบถกันเป็นครั้งคราว ครั้งนั้นจำได้ว่า พอสว่างจึงเสด็จฯ ลุกจากเวที ทรงเป่าแตรนำขบวนนักดนตรีและผู้ที่ยังเหลือเฝ้าฯ อยู่ เดินลงไปยังชายหาดหน้าวังไกลกังวล แล้วประทับบนเรือใบ ทรงเรือใบต่อ
ผมจำได้ว่า เมื่อเห็นเหตุการณ์ครั้งแรก ผมมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งในพระอนามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจนถึงกับต้องปรารภกับ พล.ท. ม.จ.จินดา สนิทวงศ์ นายแพทย์ประจำพระองค์ผู้หนึ่ง ว่าประทับอยู่เป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่ทรงลุกและเสด็จห้องสรงเลยอย่างนั้นจะไม่ทำให้ทรงพระประชวรด้วยพระโรคพระวักกะอักเสบดอกหรือ คุณหมอจินดาได้แต่ยิ้มและเฉยอยู่
ต่อมาเมื่อได้ตามเสด็จฯ และสังเกตเห็นมากและบ่อยขึ้น ผมจึงได้เริ่มรู้ว่า ที่ทรงสามารถอดทนปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้เป็นเวลานานติดต่อกัน โดยไม่ทรงมีพระอาการเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายเลยนั้น เป็นผลของพระราชสมาธิโดยแท้
จากหนังสือ สองธรรมราชา ในหลวงครองราชย์ สังฆราชครองธรรม