ขนลุกซู่... เจอผีนางไม้ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหาร ใช้ต้นไม้เป็นเป้า ซ้อมขว้างดาบปลายปืน จนเจอดีเข้าให้

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

เรื่องราวดังกล่าวนี้ ได้รับการเปิดเผยจากประสบการณ์ตรงของ  “พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ” เจ้าอาวาส วัดท่าขนุน กาญจนบุรี ท่านเป็นศิษย์ผู้หนึ่งของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สมัยที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยังอยู่ ท่านเป็นพระลูกวัด ในวัดท่าซุง อุทัยธานี

โดยพระอาจารย์เล็กได้เล่าเรื่องในช่วงหนึ่งของชีวิต ที่เคยได้พบความยากลำบากในการฝึกทหาร จนวันหนึ่งเจอดีเข้า ทั้งนี้ได้ตัดบางช่วงตอนมาให้อ่านกัน
 

ขนลุกซู่... เจอผีนางไม้ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหาร ใช้ต้นไม้เป็นเป้า ซ้อมขว้างดาบปลายปืน จนเจอดีเข้าให้               
ความทุกข์สาหัสทั้งกายทั้งใจของการฝึกทหาร ไม่ได้หนึ่งในร้อยของการบวชพระ ที่มีเงื่อนไขว่า “ต้องเอาดีให้ได้” จะไม่เอาดีก็ไม่มีใครว่า ไฟนรกลุกท่วมฟ้ารอท่านอยู่ ไม่ต้องไปเลือกให้เสียเวลา “อเวจีมหานรก” คือที่ไป...
              
อาตมาถูกส่งไปเปลี่ยนกำลังพล ที่พื้นที่ชายแดนสามอำเภอของจังหวัดปราจีนบุรี คือวัฒนานคร อรัญประเทศ และตาพระยา หลังเหตุการณ์ที่บ้านโนนหมากมุ่นจบลงใหม่ ๆ มีการปะทะใหญ่ ๆ ย่อย ๆ เกือบสามสิบครั้ง สูญเสียเพื่อนรักและเจ้านายไป ๒๖ คน... 
              

 

ปกติฐานแต่ละแห่งจะหมุนเวียนเปลี่ยนพื้นที่กัน ฐานละ ๔ เดือน แต่อาตมาติดอยู่ที่ฐานหน้าตาพระยาเกือบครึ่งปี เพราะปะทะติดพันเปลี่ยนกำลังไม่ได้ และที่นี่เอง ที่อาตมาได้พบกับสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ มากมาย...
              
ขนลุกซู่... เจอผีนางไม้ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหาร ใช้ต้นไม้เป็นเป้า ซ้อมขว้างดาบปลายปืน จนเจอดีเข้าให้

เวลาว่างเว้นจากการรบ ฝ่ายหมอเสนารักษ์ก็ทำการรักษา ทั้งชาวบ้านทั้งทหาร ที่บาดเจ็บ ฝ่ายกำลังพลก็ตรวจตราการวางกำลัง ต้องพร้อมรบอยู่ทุกขณะจิต อาตมาอยู่กับส่วนบัญชาการกองร้อย เมื่อว่างจากเวรยาม ก็ตรวจตราอาวุธ และซักซ้อมการใช้เพื่อความคล่องตัว ที่ชอบเป็นที่สุด คือ การซ้อมขว้างดาบปลายปืน... 
              
ตั้งแต่ระยะห่าง ๗ ก้าว ถึง ๑๒ ก้าว เป็นระยะที่อาตมาแม่นยำที่สุด เป้าหมาย คือ ต้นไม้ใหญ่ที่สมมุติเป็นตัวคน เพื่อนก็ช่วยกันขว้างจนพรุนไปเป็นต้น ๆ พอเบื่อก็เปลี่ยนต้นใหม่ วันหนึ่ง...เพิ่งเปลี่ยนไปขว้างต้นใหม่กัน พอเที่ยงคืนเพื่อนก็มาปลุกไปเข้าเวร... 
              
ตีหนึ่งกว่า อาตมานั่งถ่างตาอยู่คนเดียว ที่ด่านตรวจหน้าฐาน เห็นหญิงสาวคนหนึ่งตรงมาหา อาตมาคิดว่าเป็นชาวบ้าน ที่มาตามหมอไปช่วยรักษาคนป่วย แต่แปลกที่ถามอะไรเธอไม่ยอมตอบซักคำ พอเพ่งดูถนัด อาตมาก็เย็นวาบไปทั้งตัว... 
              
ในความมืดสนิทนั้น อาตมากลับเห็นเธออย่างชัดเจน เธอใส่ผ้าถุงสีดำ สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำ ปล่อยผมดำสนิทยาวถึงเอว อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับดวงตาคู่นั้น มันไม่มีแววของคนมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย ซ้ำจ้องอาตมาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ..ผีนี่หว่า... 

 

ขนลุกซู่... เจอผีนางไม้ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหาร ใช้ต้นไม้เป็นเป้า ซ้อมขว้างดาบปลายปืน จนเจอดีเข้าให้

นางผีร้ายไม่พูดพล่ามทำเพลง เอื้อมมือคว้าหมับเข้าที่คอ อาตมาเผ่นวูบไปสุดช่วงแขน เกือบจะพลัดตกจากป้อมลงไปคอหักตาย มันยังเดินทื่อเข้ามาอีก พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย... 
              
“ชะยาสะนากะตาพุทธา...” พระคาถาชินบัญชรที่ท่องจำขึ้นใจ กระหึ่มขึ้นมาทันเวลา ร่างนั้นหายวับไปเหมือนถูกกระชาก อาตมาถอนใจเฮือกทั้งที่เหงื่อท่วมตัว มันเรื่องอะไรกัน มาถึงก็ไม่พูดไม่จา จะฆ่ากันท่าเดียว... 
              
นั่งคิดทบทวนอยู่จนออกเวร “เราไม่เคยฆ่าผู้หญิงนี่หว่า...บรรดาศพที่ถูกพวกเขมรฆ่าตายเกลื่อนทุ่ง เราก็ช่วยฝังให้แท้ ๆ แล้วยายผีนี่มาจากป่าไหน... ป่า... เฮ้ย...! มาจากต้นไม้ละมั้ง...

ใช่แล้ว...นางไม้แน่ ๆ เลย...
              
รุ่งเช้า...อาตมาไม่ได้บอกใคร กลัวจะทำให้เพื่อน ๆ เสียขวัญ แอบเอาข้าวปลาอาหารไปขอขมาต่อเธอ เราไม่ได้เจตนาล่วงเกินเธอเลยสิ่งที่แล้วมาจงอภัยแก่เรา และเพื่อน ๆ ด้วยเถิด... 
              
ยอมรับผิดก็หมดปัญหา เพราะบรรดาภูติผีปีศาจ เขามีเหตุมีผลอยู่แล้ว เรายอมขอขมา เขาก็ยินดีให้อภัย การขอโทษเป็นการขอที่ไม่น่าละอาย การให้อภัยเป็นการให้ที่ไม่สิ้นเปลือง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาตมาเลิกขว้างดาบปลายปืนโดยเด็ดขาด กลัวเจอแจ๊คพ็อตอีกนะซิ... 


๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ 
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

 

ข่าว: ไญยิกา เมืองจำนงค์ (ทีมข่าวปัญญาญาณ ทีนิวส์)