สวยงามน่าอัศจรรย์... ถ่ายติดแสงสีรุ้งพาดผ่านอนุสาวรีย์พระปิ่นเกล้าฯ ผู้ทรงเชี่ยวชาญอาคมไม่เป็นรองใคร ทรงจุติเป็นพระพรหม

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th/

12 มกราคม 2560 ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายอนุสาวรีย์พระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว โดยผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Jaruvat chanposri (นักเขียนขายดีประเภทบังเทิงคดี / ศาสนา / ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม) ภาพดังกล่าวปรากฏมีแสงสีรุ้งพาดผ่านรูปภาพ  สร้างความสนใจให้กับผู้ที่ศรัทธาพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก โดยมีการบอกเล่าเรื่องราวไว้ว่า …

  สวยงามน่าอัศจรรย์... ถ่ายติดแสงสีรุ้งพาดผ่านอนุสาวรีย์พระปิ่นเกล้าฯ ผู้ทรงเชี่ยวชาญอาคมไม่เป็นรองใคร ทรงจุติเป็นพระพรหม

บารมีสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวประทานพรชัยมงคล ดลให้สำเร็จสมปรารถนาทุกประการ

ภาพนี้ผมทิพยจักรถ่ายเองกับมือด้วยความที่ศรัทธาในองค์สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่ เพราะได้รับฟังเรื่องราวจากพ่อครูพระอาจารย์ศิริพงศ์ ครุพันธ์กิจอยู่เสมอ

 

อนุสาวรีย์สมเด็จพระปิ่นเกล้ามหากษัตริย์พระองค์ที่ ๒ สมัยรัชกาลที่ ๔ แผ่นดินรัตนโกสินทร์ที่เห็นอยู่นี้ประดิษฐานอยู่หน้าโรงละครแห่งชาติ พระนคร ที่มาของการสร้างอนุสาวรีย์นี้ก็มาจากคุณหลวงสุวิชาญแพทย์ผู้ได้อภิญญาตาทิพย์บุคคลเดียวกันกับที่ทำพิธีที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ

คุณหลวงสุวิชาญแพทย์ท่านนี้ที่เปิดเผยว่าสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากสวรรคตแล้วได้ขึ้นไปอุบัติเป็นท้าวมหาพรหมเกศโรบนชั้นพรหมโลก มีเดชศักดาอานุภาพมาก ทั้งนี้ครูบาอาจารย์ข้าราชการในส่วนของวิทยาลัยนาฏศิลป์วังหน้าได้เคยประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านมาแล้วทั้งนั้น

การถ่ายภาพนี้ได้ถือว่าเป็นความอัศจรรย์และเป็นความพอดีของแสงเงาและเวลา จะพูดว่ามนุษย์กำหนดไม่เท่าฟ้าบันดาลก็ได้เพราะตอนที่ถ่ายไม่คิดอะไรมากหยิบกล้องมาถ่ายในช่วงจังหวะที่เหมาะพอดิบพอดี แต่ก็ถือว่าอัศจรรย์กับลายเลื่อมรัศมีที่ปรากฏขึ้นมาอย่างสวยงาม เสมือนว่าได้รับการบันดาลจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแล้วมีพลังจริงๆและเหมือนว่าเป็นประดุจกระแสเมตตาจากพระองค์ส่งผ่านมาภายในภาพ

สวยงามน่าอัศจรรย์... ถ่ายติดแสงสีรุ้งพาดผ่านอนุสาวรีย์พระปิ่นเกล้าฯ ผู้ทรงเชี่ยวชาญอาคมไม่เป็นรองใคร ทรงจุติเป็นพระพรหม

(สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯเจ้าอยู่หัว)

ทั้งนี้เรื่องเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์เทพพรหมนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณงามความดีของพพระองค์เป็นสิ่งสำคัญกว่าที่พวกเราควรช่วยกันเผยแพร่ เพราะปัจจุบันคนไทยยังรู้จักพระองค์น้อยมาก

ส่วนผู้ที่มีศรัทธาอยู่แล้วก็ย่อมได้พบได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์หรือบารมีของพระองค์ได้ตามสมควรแห่งวาสนาของตนอย่างแน่นอน

เรื่องจากเฟสบุ๊ค- Jaruvat chanposri

สวยงามน่าอัศจรรย์... ถ่ายติดแสงสีรุ้งพาดผ่านอนุสาวรีย์พระปิ่นเกล้าฯ ผู้ทรงเชี่ยวชาญอาคมไม่เป็นรองใคร ทรงจุติเป็นพระพรหม       

ทั้งนี้ ในหนังสือพระราชกิจจานุกิจ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียบเรียงโดยนายอำพัน ตัณฑวรรณะ พิมพ์ พ.ศ.๒๕๒๔ บรรยายว่า......

มีเสียงเล่าลือว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีวิชาอาคม เช่น ทรงล่อม้าล่อช้างที่กำลังตกมันก็ไม่มีอันตรายใดๆ บางคนว่าทรงหายพระองค์ได้ บางคนว่าทรงเหยียบเรือรบฝรั่งเอียง แม้เมื่อทรงช้างก็ว่า ทรงมีท่าทีเข้มแข็งนัก 

ตอนหนึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรัสว่าพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯนั้น ทรงอยู่ยงคงกระพัน แม้ในรัชกาลที่ ๖ ก็มีผู้กล่าวว่า วังหน้าพระองค์นี้ทรงอยู่อย่างผู้สำเร็จเป็นที่เข้าใจว่าจะทรงบำบัดอันตรายในคราวที่บ้านเมืองต้องประสงค์

นอกจากนี้ ทางทีมข่าวเคยได้นำเสนอไปแล้ว เกี่ยวกับเรื่องราวที่มาของพระพรหมเอราวัณ ที่สร้างไว้เพื่อดับอาถรรพณ์พื้นที่ต้องคำสาปตรงแยกราชประสงค์ โดยคุณหลวงสุวิชาญแพทย์ได้เป็นผู้สื่อญาณ และเป็นผู้นำในการบวงสรวงทำพิธีในครั้งนั้น

ดังข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ "บารมีพระพรหม ญาณสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ" ได้เล่าว่า

คุณหลวงสุวิชาญผู้มีหูทิพย์ตาทิพย์ในยุคนั้น ได้ติดต่อกับดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระปิ่นเกล้า จึงทราบว่าพระองค์ขึ้นไปอุบัติเป็น “ท้าวมหาพรหมเกศโร” มีเดชศักดายิ่งนัก เมื่อคราวโรงแรมเอราวัณประสบอาถรรพ์จึงสร้างพระพรหมแล้วเชิญบารมีท่านพ่อเกศโรมาดับอาถรรพ์ (เชื่อว่าพื้นที่ ที่สร้างโรงแรมเป็น พื้นที่ต้องคำสาป ถือเป็นจุดกำเนิดของแยกมหาเทพ ซึ่งมีการสร้างเทพองค์อื่นๆตามมาในกาลต่อมา)

ติดตามอ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ที่ ดวงจิตแห่งพระพรหมเอราวัณ คือดวงพระวิญญาณสมเด็จพระปิ่นกล้า บารมีพระพรหมดับอาถรรพ์พื้นที่ต้องสาป คลิก  http://panyayan.tnews.co.th/contents/219394/