แม้จะปลงอาบัติ...แต่ก็หนีบาปกรรมไม่ได้! ประสบการณ์จริง หลวงพ่อจันทร์เรียน เจอ"เปรตพระ"! ที่ต้องมาเป็นเปรตเพราะทำอาบัติแบบนี้อยู่เสมอ!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://panyayan.tnews.co.th

แม้จะปลงอาบัติ...แต่ก็หนีบาปกรรมไม่ได้! ประสบการณ์จริง หลวงพ่อจันทร์เรียน เจอ"เปรตพระ"! ที่ต้องมาเป็นเปรตเพราะทำอาบัติแบบนี้อยู่เสมอ!

          ประสบการณ์วิเวกภาวนา พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร กับ พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ สองทายาทธรมขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม เขียนบันทึกโดย อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท

แม้จะปลงอาบัติ...แต่ก็หนีบาปกรรมไม่ได้! ประสบการณ์จริง หลวงพ่อจันทร์เรียน เจอ"เปรตพระ"! ที่ต้องมาเป็นเปรตเพราะทำอาบัติแบบนี้อยู่เสมอ!

“เปรตพระนุ่งผ้าถุง”

           เรื่องนี้เป็นเรื่องเตือนใจในเรื่องพระธรรมวินัย ผู้เขียน (อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)

          ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้จากประสบการณ์เที่ยววิเวกของศิษย์ผู้พี่ หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร กับ หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ที่ศิษย์ผู้พี่ทั้งสองท่านพบเจอกับภูมิลึกลับ…

           หลวงพ่อสมศรีเล่าให้ฟังว่า หลังออกพรรษาปีพุทธศักราช ๒๕๑๑พรรษาที่สามของท่าน องค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม บอกหลวงปู่จันทร์เรียนให้พาหลวงพ่อสมศรีออกฝึกหัดเที่ยววิเวกภาวนาหลวงปู่จันทร์เรียนท่านได้พาหลวงพ่อสมศรีและสามเณรอีกสองรูปออกเที่ยววิเวกมาทางเขตอำเภอภูเรือ-ด่านซ้าย

           หลวงพ่อสมศรีท่านบอกตอนพักอยู่บ้านโคกงาม อำเภอด่านซ้ายหลวงปู่จันทร์เรียนชวนท่านไปเยี่ยมญาติคนบ้านหนองบัวบานที่มาแต่งงานมีสามีอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตำบลนาหอ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยหลวงปู่จันทร์เรียนพาท่านกับสามเณรอีกสองรูปเดินลัดภูเขาจากบ้านโคกงามมาถึงเขตตำบลนาหอเวลาพลบค่ำ แล้วไปพักที่วัดร้างแห่งหนึ่ง

           กลางคืนราวสองทุ่มหลวงพ่อสมศรีท่านได้ยินเสียงผู้ชาย เดินร้องไห้ผ่านที่พักของท่านไปทางที่หลวงปู่จันทร์เรียนพักภาวนาอยู่ เสียงผู้ชายร้องไห้มาหยุดเงียบตรงที่พักของหลวงปู่จันทร์เรียน

ตกดึกหลวงพ่อสมศรีท่านได้ยินเสียงผู้ชายร้องไห้ดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วเงียบหายไปทางด้านหลังวัด...

ตอนเช้าหลวงปู่จันทร์เรียนเล่าให้หลวงพ่อสมศรีฟังว่า

“ศรี เมื่อคืนนี้มีเปรตพระองค์หนึ่งร้องไห้มาหาเราเปรตพระองค์นี้นุ่งอังสะเหมือนกับพระเณรเราทั่วไปแต่ข้างล่างนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงลายดอกแบบผู้หญิง”

หลวงปู่จันทร์เรียนท่านพิจารณาถึงบุพกรรมที่มาของเปรตพระตนนี้

          เปรตพระนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุงตนนี้ เมื่อสมัยบวชอยู่ เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดร้างแห่งนี้มาก่อน ตอนสมัยบวชมักประพฤติผิดพระวินัยอาบัติ “ปาจิตตีย์” อยู่เป็นอาจิณ มีจิตลามกเจ้าชู้ ชอบพูดจาเกี้ยวพาราหญิงสาวด้วยใจกำหนัด กิเลสพาคิดเหมาเอาเองว่าเป็นอาบัติปาจิตตีย์ปลงแล้วจะหายได้หารู้ไม่ว่าอาบัติปาจิตตีย์นี้เป็นอาบัติบาปทางจิตใจ พอตายแล้วจิตติดคาในอาบัติที่ตนเองข้องอยู่กรรม จึงส่งผลให้มาเกิดเป็นเปรตพระนุ่งผ้าซิ่นผ้าถุง...

(อาบัติปาจิตตีย์ แปลว่าบาปทางจิต ภิกษุเมื่อต้องอาบัตินี้แล้วจะทำให้จิตเศร้าหมอง อาบัติปาจิตตีย์มีทั้งหมด ๙๒ ข้อ อาบัติปาจิตตีย์เป็นอาบัติที่สละปลงได้ แต่ถ้ากลับมาประพฤติผิดซ้ำซากโดยเจตนาเพราะคิดว่าผิดแล้วก็ปลงได้ องค์ท่านหลวงปู่ชอบเคยบอกเอาไว้มันจะเป็นบาปที่สละไม่หลุดองค์ท่านบอกพระเราเป็นเปรตหรือตกนรกเพราะอาบัติปาจิตตีย์นี้ มากกว่าทุกอาบัติ องค์ท่านถึงสอนลูกศิษย์ให้พึงสังวร)

        เปรตพระนุ่งผ้าถุงตนนี้มาแสดงตนร้องไห้ ขอให้หลวงปู่จันทร์เรียนช่วยเหลือสงเคราะห์หลวงปู่จันทร์เรียนบอกกับเปรตพระตนนี้ว่า เราไม่สามารถช่วยท่านได้ กรรมผิดธรรมผิดวินัยสงเคราะห์กันไม่ได้ ให้ยอมรับผลกรรมของตนเองเสีย เปรตพระนุ่งผ้าถุงพอรู้ว่า หลวงปู่จันทร์เรียนสงเคราะห์ธรรมให้ตนเองพ้นกรรมไม่ได้ เปรตพระตนนี้จึงเดินร้องไห้ออกไปทางหลังวัด...

          หลวงพ่อสมศรีบอกวัดแห่งนี้ร้างพระเณรมาได้ร่วมปี ก่อนที่หลวงปู่จันทร์เรียนจะพาท่านเข้ามาพัก หลังจากเจ้าอาวาสรูปนี้มรณภาพไปแล้ว พระเณรองค์อื่นๆ ก็พักอยู่ที่วัดแห่งนี้ไม่ได้ เนื่องจากถูกผีเปรตเจ้าอาวาสตนนี้รบกวน แม้แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้าวัดเพราะกลัวผีเจ้าอาวาส วัดนี้จึงถูกทิ้งให้ร้างจนตราบเท่าทุกวันนี้...

 

 

 

จินต์จุฑา รายงาน

ที่มา : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=50220