- 11 ก.พ. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
ณ “วัดภูมินทร์” เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139 ในรัชสมัยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ต่อมาอีกประมาณ 300 ปี มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี
เอกลักษณ์ของวัดภูมินทร์ ที่นับเป็นความสวยแปลกของวัดนี้ คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ทำให้ดูคล้ายกับว่าพระอุโบสถหลังนี้ตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ภายในพระอุโบสถ มีจิตรกรรมภาพฝาผนัง ซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกกว่า “ฮูปแต้ม” ซึ่งฮูปแต้มแห่งนี้จะสะท้อนภาพบรรยากาศ การดำเนินชีวิตของชาวน่านและบอกเล่าลักษณะของชาวน่านว่ามีใบหน้ากลมแป้น คิ้วรูปวงพระจันทร์ นัยน์ตาที่แฝงความรู้สึกเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ริมฝีปากเล็กรูปกระจับ และนิยมแสดงอาการดีใจด้วยการเขียนมุมปากเชิดขึ้นทั้งสองข้าง และเขียนมุมปากหุบตกลงถ้าต้องการแสดงความเศร้าเสียใจ ซึ่งแตกต่างกับการเขียนภาพที่ปรากฎในกรุงเทพมหานครฯ อย่างสิ้นเชิงที่ไม่นิยมแสดงอารมณ์ผ่านทางใบหน้าแต่นิยมบอกผ่านความรู้สึกด้วยท่าทางอากัปกิริยาแบบนาฏลักษณ์ แทน สิ่งนี้เองที่ทำให้ “ฮูปแต้ม” - จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเกิดเป็นเสน่ห์อันประทับใจผู้ที่มีโอกาสได้ชมความงามนี้
“ฮูปแต้ม”ที่โดดเด่นเป็นพิเศษและได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ เมืองน่าน นั้นคือ ภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทิศตะวันตก เป็นภาพขนาดใกล้เคียงกับขนาดคนจริงของชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดแต่งกายแบบไทยใหญ่ ในอิริยาบถยืนเคียงกัน
โดยฝ่ายชายยืนอยู่ทางขวาของฝ่ายหญิงพร้อมจับบ่าของหญิงสาวและใช้มือป้องปากเหมือนกำลังกระซิบกระซาบถ้อยคำบางข้างๆ หู ซึ่งไม่มีใครทราบว่ากระซิบว่าอย่างไร แต่ด้วยสายตาของทั้งคู่นั้นมีแววกรุ้มกริ่มแฝงนัยบางอย่างที่สามารถคาดได้ว่าไปในทางโรแมนติก จนอาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม ปราชญ์แห่งเมืองน่าน เป็นภาษาถิ่นพายัพ (ภาษาเหนือ)เพื่อบรรยายถ้อยคำแห่งรักที่กระซิบผ่านงปู่ม่านย่าม่านนี้ว่า
“คำฮักน้องกูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาขะลุ้ม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจ๋ตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา...”
------------------------------------------------
แปลว่า “ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น”
ว่ากันว่า หากต้องการให้ความรัก มีความมั่นคง ยืนยาว สามารถมาขอพรต่อหน้า ภาพปู่ม่านย่าม่านได้ โดยก่อนขอพร คู่รักต้องไปทำการลอดซุ้มพญานาคคู่ขวัญที่อยู่ทางด้านหน้าพระอุโบสถเสียก่อน ซึ่งซุ้มพญานาคคู่ขวัญดังกล่าวมีอายุกว่า 400 ปี เดินลอดวนทวนเข็มนาฬิกาสามรอบ แล้วค่อยมาขอพรจาก “ปู่ม่านย่าม่าน” โดยเฉพาะฝ่ายชาย จักต้องจำประโยคบอกรักที่สำคัญ ข้างต้น ไปพูดกระซิบบอกคนรักต่อหน้า “ปู่ม่านย่าม่าน”
จินต์จุฑา เรียบเรียง