- 21 ก.พ. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
สืบเนื่องจากกรณีการบุกตรวจค้นวัดพระธรรมกายของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ร่วมกับสำนักพระพุทธศาสนา เจ้าคณะจังหวัดปทุมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 01.00น.ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์ของราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕/๒๕๖๐ เรื่อง มาตรการให้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ลงวันที่ 15 ก.พ. 60
จากภาพลูกศิษย์ได้ทำธงหลากหลายสีมาผูกติดไว้กับแผงกั้นที่บริเวณข้างคลองแอล เมื่อสอบถามว่าเป็นธงอะไร ทางลูกศิษย์บอกว่าเป็นธงศาสนาพุทธสากล จึงได้ตรวจสอบข้อมูลของธง และได้ข้อมูลว่าธงนั้นเรียกอีกอย่างว่า "ธงฉัพพัณณรังสี"
ธงฉัพพรรณรังสิ : ธงศาสนาพุทธ
หรือ ธงประจำศาสนาพุทธ สำหรับเมืองไทย ธงนี้อาจจะไม่คุ้นตากันสักเท่าไหร่ เพราะบ้านเราเลือกใช้ธงธรรมจักรเป็นธงประจำพุทธศาสนา แต่ในสากลทั่วโลกที่นับถือพุทธศาสนา นิยมใช้ธงฉัพพรรณรังสีนี้เป็นสัญลักษณ์ มารู้จักกับธงฉัพพรรณรังสีกันครับ
ธงศาสนาพุทธที่ใช้ทั่วไปเป็นสากลมีชื่อเรียกว่าว่า ธงฉัพพรรณรังสี เริ่มปรากฏการใช้ตั้งแต่ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ (เทียบแบบสากลคือราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙)
๐ลักษณะ๐
คำว่า "ฉัพพรรณรังสี" อันเป็นชื่อของธง แปลว่ารัศมี ๖ สี (มาจากคำสมาสในภาษาบาลี "ฉ" (หก) + "วณฺณ" (สี) + "รํสี" (รังสี, รัศมี)) มีที่มาจากสีของรัศมีซึ่งกล่าวกันว่าแผ่ออกจากพระกายของพระพุทธเจ้า คือ
สีนีละ(น้ำเงิน) - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน (คือเป็นสีน้ำเงิน)
สีปีตะ(เหลือง) - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง
สีโรหิตะ(แดง) - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน
สีโอทาตะ(ขาว) - สีขาวเงินยวง
สีมัญเชฏฐะ(สีส้ม) - สีแสดเหมือนหงอนไก่
สีประภัสสร(ใส) - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก (คือสีทั้ง ๕ ข้างต้นรวมกัน)
ผู้ออกแบบธงได้นำสีทั้งหกตามบรรยายข้างต้นมาดัดแปลงเป็นผืนธง โดยมีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งเป็นแถบเรียงเป็นแนวตั้งความกว้างเท่ากัน ๖ แถบ เรียงลำดับแถบสีจากด้านซ้าย (ซึ่งเป็นด้านต้นของธง) ไปทางขวาดังนี้ แถบแรกสีน้ำเงิน แถบที่ ๒ สีเหลือง แถบที่ ๓ สีแดง แถบที่ ๔ สีขาว แถบที่ ๕ สีแสด ส่วนแถบสุดท้ายหรือแถบสีประภัสสร เป็นแถบสีที่เกิดจากการนำแถบสีทั้ง ๕ สีแรกในตอนต้นมาเรียกลำดับใหม่ในแนวตั้ง
๐ความหมาย๐
สีในธงฉัพพรรณรังสีแต่ละสีมีความหมายอื่นแฝงดังต่อไปนี้
สีนีละ(น้ำเงิน): พระมหากรุณาธิคุณแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันแผ่ไพศาลไปทั่วสกลจักรวาล
สีปีตะ(เหลือง): มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง คือ การหลีกเหลี่ยงความสุดโต่งทั้งปวง
สีโรหิตะ(แดง): การอำนวยพรให้ประสบความสำเร็จ สมบูรณ์พร้อมด้วยสติปัญญา คุณงามความดี ความเป็นผู้มีโชค และเกียรติยศทั้งปวง
สีโอทาตะ(ขาว): ความบริสุทธิ์แห่งพระธรรม ซึ่งเป็นของที่ไม่จำกัดกาล (อกาลิโก) และนำชนไปสู่ความหลุดพ้น
สีมัญเชฏฐะ(ส้ม): พระปัญญาคุณแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สีประภัสสร(ใส): ความจริงทั้งหมดในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คำถามว่า หากธรรมบิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนาแล้ว ยังสามารถใช้่ธงนี้ได้หรือไม่ ?
๐ประวัติ๐
ธงนี้ออกแบบโดยพุทธสมาคมโคลอมโบ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๓ พันเอกเฮนรี เอส. โอลคอตต์ เป็นผู้แก้ไขให้เป็นแบบที่ใช้ในปัจจุบัน เริ่มใช้เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ที่ประเทศศรีลังกา ต่อมาองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (World Fellowship of Buddhists - WFB) ได้ประกาศให้ธงนี้เป็นธงพุทธศาสนาสากลเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ ณ กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา
พันเอก เฮนรี สตีล โอลคอต (สิงหล: කර්නල් හෙන්රි ස්ටීල් ඔල්කට්; อังกฤษ: Henry Steel Olcott; 2 สิงหาคม ค.ศ. 1832 – 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1907) เป็นข้าราชการทหาร นักหนังสือพิมพ์ และนักนิติศาสตร์ชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานคนแรกแห่งสมาคมเทวปรัชญา
โอลคอตเป็นผู้มีชื่อเสียงชาวอเมริกาเชื้อสายยุโรปคนแรกที่เข้ารีตเป็นพุทธศาสนิกชน การต่าง ๆ ที่เขาปฏิบัติในภายหลังในฐานะประธานสมาคมเทวปรัชญานั้นมีส่วนช่วยฟื้นฟูการศึกษาพุทธศาสนา โอลคอตยังชื่อว่าเป็นนักนวนิยมทางพุทธที่ลงทุนลงแรงไปในการตีความพุทธศาสนาผ่านมุมมองแบบตะวันตก
นอกจากนี้ เขายังเป็นหัวเรือในการฟื้นฟูพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา จึงได้รับการยกย่องเรื่องนี้ในประเทศศรีลังกา โดยชาวศรีลังกากล่าวขานกันว่า เขา "เป็นวีรบุรุษคนหนึ่งซึ่งฝ่าฝันเพื่อเอกราชของเรา และเป็นนักบุกเบิกการรื้อฟื้นทางศาสนา ชาตินิยม และวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน"
จินต์จุฑา รายงาน