มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!! จาก "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป?" ถึง "ฆ่าตัวตายไม่บาป?" ... ที่สุดแห่งมิจฉาทิฏฐิ!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ http://www.tnews.co.th

จาก “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” ถึง “ฆ่าตัวตายไม่บาป?”!!

 

ในช่วงปี ๒๕๑๙ อันเป็นช่วงที่อุดมการณ์ทางการเมืองฝั่งซ้ายฝั่งขวาปะทะกันอย่างรุนแรงในสังคมไทย อันนำไปสู่เหตุการณ์สังหารหมู่ในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และตามมาด้วย “สงครามประชาชน” นับจากปี ๒๕๑๙-๒๕๒๓ นั้น บทบาทของพระสงฆ์รูปหนึ่งได้รับการกล่าวถึงและโจษจันกันอย่างมาก นั่นคือ “พระกิตติวุฑโฒ” ผู้เป็นเจ้าของวาทะ “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป”

ตามที่มีการบันทึกกันไว้ (สัมภาษณ์เมื่อ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๑๙)

จตุรัสถามว่า :  การฆ่าฝ่ายซ้ายหรือคอมมิวนิสต์บาปหรือไม่?

กิตติวุฑโฒตอบ :  อันนั้นอาตมาก็เห็นว่าควรจะทำ  คนไทยแม้จะนับถือพุทธก็ควรจะทำ  แต่ก็ไม่ใช่ถือว่าเป็นการฆ่าคน เพราะว่าใครก็ตามที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันไม่ใช่คนสมบูรณ์  คือต้องตั้งใจ  เราไม่ได้ฆ่าคน แต่ฆ่ามารซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน

จตุรัส :  ผิดศีลไหม?

กิตติวุฑโฒ :  ผิดน่ะมันผิดแน่  แต่ว่ามันผิดน้อย ถูกมากกว่า  ไอ้การฆ่าคนคนหนึ่งเพื่อรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้ ไอ้สิ่งที่เรารักษาปกป้องไว้มันถูกต้องมากกว่า  แล้วจิตใจของทหารที่ทำหน้าที่อย่างนี้ไม่ได้มุ่งฆ่าคนหรอก  เจตนาที่มุ่งไว้เดิมคือมุ่งรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ไว้  การที่เขาอุทิศชีวิตไปรักษาสิ่งดังกล่าวนี้ก็ถือว่าเป็นบุญกุศล  ถึงแม้จะฆ่าคนก็บาปเล็กน้อย แต่บุญกุศลได้มากกว่า  เหมือนเราฆ่าปลาแกงใส่บาตรพระ ไอ้บาปมันก็มีหรอกที่ฆ่าปลา  แต่เราใส่บาตรพระได้บุญมากกว่า

จตุรัส :  ฝ่ายซ้ายที่ตายหลายคนในช่วงนี้ คนฆ่าก็ได้บุญ

กิตติวุฑโฒ :  ถ้าหากฆ่าคนที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว ก็ได้ประโยชน์

จตุรัส :  คนฆ่าฝ่ายซ้ายที่ไม่ถูกจับมาลงโทษก็เพราะบุญกุศลช่วย

กิตติวุฑโฒ :  อาจจะเป็นได้...ด้วยเจตนาดีต่อประเทศชาติ (หัวเราะ)

 

มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!! จาก "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป?" ถึง "ฆ่าตัวตายไม่บาป?" ... ที่สุดแห่งมิจฉาทิฏฐิ!!

พระกิตติวุฑโฒ

ว่ากันว่า เพราะคำพูดนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ไปกระตุ้นความคลั่งแค้นของกลุ่มกระทิงแดง นวพล ให้เข้าใช้กำลังและความรุนแรงที่ธรรมศาสตร์และสนามหลวง

แม้ว่าหลังจากนั้น พระกิตติวุฑโฒจะได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นมาตามลำดับและมรณภาพไปตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ แต่คำพูด “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” ยังคงถูกบันทึกและจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ถึงบทบาทและความเหมาะควรที่พระสงฆ์ในพุทธศาสนาพึงจะปฏิบัติ  พระกิตติวุฑโฒกลายเป็นตัวอย่างที่ถูกยกถึงโดยนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ฝ่ายเสรีนิยมหัวก้าวหน้า  นอกเหนือจากสถานะ “ผู้ร้าย” (เช่นเดียวกับสามเผด็จการในยุคนั้น) ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็ยังเป็นการแสดงถึงการนำเอาศาสนาไปรับใช้อุดมการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งของรัฐและอำนาจรัฐที่เข้าครอบงำศาสนา

เป็นตัวอย่างของการตีความธรรมะหรือคำสอนพุทธศาสนาอย่างมี “มิจฉาทิฏฐิ” ถึงที่สุด  อย่างง่าย ๆ ที่สุดก็ขัดแย้งกับหลักพื้นฐานที่สุดในพุทธศาสนา นั่นคือศีลข้อ ๑ “ละเว้นจากการคร่าชีวิตผู้อื่น”

มิจฉาทิฐิเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ค่อยมาว่ากันยาว ๆ วันหลัง  แต่ในขณะนี้ประเด็นที่เหนือไปกว่าการละเว้นการคร่าชีวิตผู้อื่นนั่นคือ “การละเว้นจากการคร่าชีวิตตนเอง”

พุทธศาสนาแบบกระแสหลักน่าจะยืนยันเรื่องนี้แบบสุดขั้ว  คือแม้ในกรณีที่พิเศษอย่าง “การุณยฆาต” (Mercy Killing) ก็ย่อมต้องถือว่าเป็นบาป-หนัก

(จำได้ว่ามีเพียงกรณีเดียวที่สมัยพุทธกาลมีพระฆ่าตัวตายเพราะทนอาพาธไม่ไหว แล้วพระพุทธเจ้าไม่ติเตียน เพราะขณะที่กำลังตายนั้นจิตของพระรูปนั้นได้บรรลุถึงแก่ความหลุดพ้นเสียก่อน  ส่วนกรณีอื่น ๆ พระพุทธเจ้าได้ติเตียนและถึงกับตรากฎบัญญัติห้ามไม่ให้ทำทั้งสิ้น ไม่นับว่าเป็นบาปหนัก  แม้ว่าจะมีกรณีที่มีข้ออ้างที่ดูเหมือนมีเหตุผลก็ตาม เช่น กลุ่มพระที่ปฏิบัติธรรมจะเกิดเห็นร่างกายเป็นของสกปรก น่ารังเกียจ น่าเบื่อหน่าย จึงชวนกันไปฆ่าตัวตาย)

นั่นไม่ต้องพูดถึงเลยว่า เหตุผลของการฆ่าตัวตายเพื่อประท้วง ม.๔๔ จะฟังขึ้นหรือรับฟังได้หรือไม่?

หรือเหตุผลของการพร้อมที่จะฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องนักบวชหนึ่งรูปที่ทำผิดและหนีหมายจับ และไม่กล้าออกมาเผชิญพิสูจน์ความจริงจนถึงวันนี้

ที่น่าแปลกใจก็คือ  มีพระเจ้าบทเจ้ากลอนบางรูปที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายอย่างที่รู้กันดีในวงการได้ออกมาแต่งบทกลอนบอกให้ “ระวังสาวกธรรมกายจะฆ่าตัวตายตาม” (ถ้ารัฐยังไม่เลิกใช้ ม.๔๔) ทำไมท่านในฐานะนักบวชในพุทธศาสนาถึงออกมาส่งเสียงปรามฝ่ายรัฐแทนที่จะส่งเสียงห้ามปรามชาวพุทธไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่คิดจะทำเช่นนั้นให้ขบคิดพิจารณาถึง “ทิฐิ” ตามที่ปรากฏในคติของพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้าห้ามไม่ให้ฆ่าตัวตาย  มีคนจะฆ่าตัวตาย พระหลายรูปในปัจจุบันได้ยินกลับไม่ห้ามปราม “อย่านะโยม...มันผิด”  มันราวกับเหมือนจะสนับสนุนในมุมกลับและบอกกลาย ๆ ว่า “ฆ่าตัวตายไม่บาป” ใช่หรือไม่? สาธุชนทั้งหลายลองขบคิด

 

มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!! จาก "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป?" ถึง "ฆ่าตัวตายไม่บาป?" ... ที่สุดแห่งมิจฉาทิฏฐิ!!

มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!! จาก "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป?" ถึง "ฆ่าตัวตายไม่บาป?" ... ที่สุดแห่งมิจฉาทิฏฐิ!!

 

ส่วนน้อง ๆ หนู ๆ ที่ “เห่อมอย” กับหลักประชาธิปไตย โหนศพคนตายทั้งในเหตุการณ์ ๖ ตุลา ทั้งในเหตุการณ์คุณลุงธรรมกาย เพื่อสนองความใคร่ในเสรีหลักประชาธิปไตยของตัวเอง ก็ลองตั้งคำถามสักนิดว่า สิ่งที่ตนเองทำอยู่นั้นโดยอ้างความเห็นใจคุณค่าความเป็นมนุษย์นั้น ในอีกด้านหนึ่งก็กำลังเอา “คนตาย” และ “บาดแผลของสังคม” มาใช้เป็น “เครื่องมือ” เพื่อสนองอุดมการณ์ของตนเองใช่หรือไม่ (โดยที่อาจไม่มีความเข้าใจใดในทั้งบริบทของ ๖ ตุลา และบริบทของธรรมกายอย่างชัดเจน)

พวกมึงนี่ไร้เดียงสาไม่พอ ยังโง่บัดซบ ๆ  ความสะใจลึก ๆ ของพวกมึงก็ไม่ต่างจากพวกที่มึงกำลังด่าเขาอยู่  พวกมึงแม่งก็เป็นได้แค่ “เด็กที่หัวเราะใต้ต้นมะขาม” ที่เชื่อในมุมกลับในสิ่งที่พระกิตติวุฑโฒได้กล่าวไว้

พระกิตติวุฑโฒเคยบอกว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป”

ส่วนของพวกมึงก็ “ฆ่าเผด็จการไม่บาป”

ไม่ได้ต่างเหี้ยอะไรกันเลย

- เวทิน ชาติกุล / เพจเปาบุ้นจุ้น -

(ดร.เวทิน ชาติกุล อาจารย์ภาควิชาปรัชญาและศาสนา มศว. ประสานมิตร)

-------------------------------------------------------------

ณัฐวุฒิ/สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน