“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา
ในราวปี ๒๕๓๐ ได้มีนิตยสาร”สไตล์ “ มาขอสัมภาษณ์ กับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ถึงพระราชดำรัสที่เป็น “คำสอน” ในหลวงที่ประทับอยู่ในจิตใจจนถึงทุกวันนี้  และ ได้นำใช้มาเป็นหลักในการทำงาน เพื่อสนองพระราชดำริในพระราชกรณียกิจต่างๆของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยในขณะนั้น ท่านดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานเลขานุการ กปร.
“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ : "ปิดทองหลังพระไปเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง" กระแสพระราชดำรัสที่บอกแก่คนไทยทุกคน ดังพระคาถาที่ให้แก่ทุกคนที่ทำงาน

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

ดร.สุเมธ ได้ตอบว่า 
...คำสอนประโยคเดียวก็เกินพอ... นั้นคือ 
พระราชดำรัสที่ว่า
 “มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ : "ยายจ๋า ขอดื่มน้ำฝนในถังสักแก้วได้ไหม" พระราชดำรัสที่แม้ใครได้ยินก็ยากที่จะไม่รักและเทิดทูลท่านไว้สุดหัวใจ

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา “มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

ปัจจุบัน “ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล”  ท่านได้สนองงานเบื้องพระยุคลบาทในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในฐานะกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิ ชัยพัฒนา ซึ่งมูลนิธินี้มี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานกรรมการและด้วยความที่ดร.สุเมธนั้นถวายงานได้รวดเร็ว เป็นที่พอพระทัยกระทั่งพระราชทานชื่อเล่นหลายชื่อ อาทิ "ถุงเงิน" "หนุมาน"  แต่ในสื่อมวลชนทั้งหลายได้ให้คำจำกัดความเป็นตัวดร.สุเมธว่า "เกิดมาเป็นข้าฯแผ่นดิน" 
และเมื่อได้เข้าเฝ้าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ตอนที่ท่านอายุ ๖๐ ปี เป็นวัยที่เกษียณ ในหลวงรัชกาลที่ท๙ ทรงตรัสว่า “แล้วฉันละ” ซึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงมีพระชนมายุ ๗๒ พรรษา พระองค์ทรงจับที่บ่าเขย่าและทรงตรัสว่า “สุเมธ.... งานยังไม่เสร็จ  สุเมธ.... งานยังไม่เสร็จ” ซึ่งเป็นรับสั่งครั้งสุดท้ายที่ ดร.สุเมธ ได้เข้าเฝ้ากราบพระบาทพระองค์

“มาอยู่กับฉันนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขที่มีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น”พระราชดำรัสที่อยู่ในใจ ดร.สุเมธ เสมอมา

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ : "เดินตามรอยพ่อสอน" ทำตามพระราชดำรัสธรรมที่ให้ไว้ "สร้างบารมีด้วยทำความดีให้เคยชิน"

ขอขอบคุณ  https://www.gotoknow.org FB: กูจะบอกอะไรให้นะ FB: สานต่อที่พ่อทำ
                   FB: น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ และ FB: พ่อของแผ่นดิน
ข่าวโดย :  กิตติ ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์