พระดีก็ย่อมมีโอปปาติกะไปขอความช่วยเหลือ!! ... เหมือน "พญานาค" ตัวนี้ที่จำแลงกายมาขอรับบารมีจาก "หลวงปู่หลุย" ณ ถ้ำแก้งยาว นานสามวันสามคืน!!

รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ http://www.tnews.co.th

พญานาคที่ถ้ำแก้งยาว ...

ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ... "หลวงปู่หลุย จันทสาโร" จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำแก้งยาว อยู่บนภูเขาซึ่งเป็นเขตของวัดป่าถ้ำแก้งยาว

ภูเขาที่ถ้ำแก้งยาวนี้ เชิงเขาทอดลงมาบรรจบติดกับทุ่งนา เป็นภูเขาไม่สูงนัก แต่ป่าที่ปกคลุมเขาอุดมสมบูรณ์และสงบวิเวก เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรอย่างยิ่ง

ถ้ำบนภูแก้งยาวไม่ใหญ่โตกว้างขวางนัก ทำแคร่เล็ก ๆ พอนั่งภาวนา กางกลดมุ้งได้  แต่หลวงปู่หลุยสรรเสริญถ้ำแก้งยาวมาก  ท่านว่าเทพมาก มีพระปัจเจกพุทธเจ้าเสด็จมาอนุโมทนาการกระทำความเพียรของท่านด้วย

หลวงปู่หลุยท่านมักเปลี่ยนที่ภาวนา  หากเห็นก้อนหินเหมาะ เห็นร่มไม้ใหญ่ดี ท่านจะใช้ผ้าอาบปัด ๆ หินก้อนนั้นหรือพื้นที่ตรงนั้นให้สะอาด และท่านก็นั่งลงทำความเพียรทันที  บางคราวหลวงปู่หลุยเห็นต้นไม้ใหญ่ล้มทอดไปตามพื้นดิน ท่านก็จะขึ้นไปเดินจงกรมบนขอนไม้ล้มนั้น ทำให้มีสติระมัดระวังดี มิฉะนั้นจะตกลงมาจากขอนไม้ล้ม

วันหนึ่ง หลวงปู่หลุยออกจากถ้ำไปวิเวกที่ร่มไม้ในป่า  เมื่อสมควรแก่เวลา ท่านก็กลับเข้ามาที่ถ้ำ และได้เห็นงูใหญ่ตัวหนึ่งขดอยู่ใต้แคร่ ซุกหัวอยู่ในขนด นิ่งเฉย ไม่ได้ส่อแสดงกิริยาดุร้ายใด ๆ ออกมา

หลวงปู่หลุยคิดว่าท่านอาจตั้งแคร่ปิดปากรูทางเข้าออกของงูยักษ์นี้ก็ได้  แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วไม่เห็นปากรูหรือปากโพรงใด ๆ ผนังราบเรียบสนิท ไม่ปรากฏหลืบหินอันอาจอำพรางช่องทางใด ๆ ไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ หลวงปู่หลุยจึงคาดเดาเอาว่า ก่อนหน้าที่ท่านจะกลับเข้ามาในถ้ำ งูใหญ่คงเลื้อยผ่านปากถ้ำอันเย็นและสงบสงัด จึงเข้ามาพักผ่อนนอนเล่นดังที่เห็นอยู่  หลวงปู่คิดว่า เมื่อเขารู้แล้วว่าท่านเข้ามา เขาก็คงจะกลับออกไปสู่ถิ่นที่อยู่เดิม  ท่านจึงออกจากถ้ำไปทำกิจส่วนองค์เบื้องนอก เดินจงกรมอยู่นานพอสมควรก็กลับมายังถ้ำ

 

พระดีก็ย่อมมีโอปปาติกะไปขอความช่วยเหลือ!! ... เหมือน "พญานาค" ตัวนี้ที่จำแลงกายมาขอรับบารมีจาก "หลวงปู่หลุย" ณ ถ้ำแก้งยาว นานสามวันสามคืน!!

หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แทนที่งูใหญ่จะเคลื่อนย้ายออกไปกลับนอนขดอยู่ใต้แคร่เช่นเดิม  ส่วนหัวที่ซุกหลบในตอนแรก ตอนนี้ยกมาพาดวางบนลำตัวมหึมา  หลวงปู่หลุยมีความรู้สึกชักจะคุ้นกับงูตัวนี้จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นนัยน์ตาของเขาจ้องมองกลับมานิ่งเฉย ในขณะที่นัยน์ตาของหลวงปู่หลุยเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา

เมื่องูใหญ่ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายไปจากใต้แคร่ หลวงปู่ท่านก็วางเฉยเสีย คิดว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ ต่างฝ่ายย่อมใช้ชีวิตตามเพศตามชาติของตน ไม่ขัดเคืองขัดขวางกัน มีแต่เมตตาต่อกัน

ในค่ำคืนนั้น หลวงปู่หลุยกางมุ้งนอนกลดบนแคร่ของท่านตามปกติ ไหว้พระสวดมนต์ นั่งทำความเพียรตามวัตรปฏิบัติเป็นปกติ โดยมีงูตัวมหึมานอนขดอยู่ใต้แคร่เงียบเชียบ

ตอนเช้า ตีสาม หลวงปู่หลุยจะลุกขึ้นล้างหน้า สวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาไปโดยไม่มีประมาณ งูใหญ่ที่ขดอยู่ใต้แคร่ก็ย่อมได้รับกระแสธรรมจากหลวงปู่โดยตรงยิ่งกว่าผู้ใด

น่าแปลกอย่างยิ่งที่งูใหญ่ตัวนั้นขดตัวนิ่งอยู่ใต้แคร่ของหลวงปู่หลุยถึงสามวันสามคืน ประหนึ่งมาขอรับบารมีอันชุ่มเย็นจากหลวงปู่หลุยโดยตรง ซึ่งท่านก็แผ่เมตตาให้ด้วยความการุณย์

อยู่ครบสามวันแล้ว งูใหญ่จึงได้จากไปในขณะที่ท่านออกไปวิเวกนอกถ้ำ  เวลาเลื้อยออกไปท่านไม่เห็น แต่เห็นรอยที่ผ่านไป ปรากฏว่าต้นไม้ใบหญ้าราบเป็นทางยาวตั้งแต่ปากถ้ำไปจนถึงเชิงเขาซึ่งเป็นชายทุ่ง

ขณะนั้นนาข้าวกำลังขึ้นเขียวขจี รอยงูที่เลื้อยผ่านทุ่งนาเป็นช่องโล่ง แลลิบลิ่วไปไกลสุดสายตา แสดงว่าเป็นงูยักษ์ตัวมหึมาอย่างน่ากลัว เพราะต้นข้าวที่เขาปักดำเป็นแถวเป็นกอห่าง ๆ กันนั้นถูกลำตัวงูทับราบไปถึงสามกอสามแถว เป็นทางโล่งไปตลอด!!

ทั้งนี้ หลวงปู่หลุยเล่าว่า  ขณะที่งูใหญ่เข้ามานอนขดอยู่ใต้แคร่ของท่าน มองดูก็ใช่ว่าจะใหญ่โตเท่าใดนัก  แต่ร่องรอยซึ่งปรากฏเป็นหลักฐานตั้งแต่ปากถ้ำไปจนถึงชายทุ่ง แล้วเลื้อยฝ่าท้องทุ่งกว้างใหญ่หายเข้าไปในป่าเขาลำเนาไพรอีกฟากหนึ่ง เป็นรอยพญางูตัวมหึมา ยากที่จะมีผู้ใดพบเห็นมาก่อน!!

 

พระดีก็ย่อมมีโอปปาติกะไปขอความช่วยเหลือ!! ... เหมือน "พญานาค" ตัวนี้ที่จำแลงกายมาขอรับบารมีจาก "หลวงปู่หลุย" ณ ถ้ำแก้งยาว นานสามวันสามคืน!!

มีผู้ถามหลวงปู่หลุยว่า ชะรอยจะเห็นพญานาค!  การที่เขามาขดอยู่ใต้แคร่ของหลวงปู่โดยมีขนาดลำตัวไม่ใหญ่โตนักนั้นคงเนื่องจากการเนรมิตด้วยฤทธิ์ให้ตัวเล็กลง เพราะยังมีเณรน้อยไปคอยปรนนิบัติอุปัฏฐากท่านอยู่ด้วย พญานาคจึงไม่ต้องการให้เณรเกิดความตื่นตระหนกหวาดกลัว  หลวงปู่หลุยไม่ตอบ หากท่านยิ้ม ๆ เท่านั้น แล้วท่านก็พูดเลี่ยง ๆ ไปว่า

"เวลาพญานาคออกไป เขาส่งเสียงดัง 'อี๊...อึ้ด...อึ้ด...'  มีคนได้ยินหลายคน แต่ไม่มีใครคิดว่าเป็นเสียงพญานาค"

นี่คือความอัศจรรย์เกี่ยวกับพญานาคที่หลวงปู่หลุยเคยเผชิญมา ซึ่งมีผู้คนมากมายทั้ง ๆ ที่เป็นชาวพุทธศาสนิกชนไม่เชื่อว่าพญานาคมีจริง ๆ ... คิดว่าเป็นเรื่องเล่าขานให้เกิดความสนุกสนาน หรือเป็นแค่นิทานชาดก

แต่โปรดคิดกันสักนิดว่า หลวงปู่หลุยเป็นพระอริยเจ้าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก ไม่ยอมด่างพร้อยในพระธรรมวินัยเด็ดขาด และเป็นที่น่าเชื่อว่า ท่านได้ละสังขารสู่แดนพระนิพพานแล้วอีกองค์หนึ่ง ดังนั้น เรื่องพญานาคที่ท่านกล่าวถึงจะเป็นเรื่องเลื่อนลอยได้อย่างไร...!!

-------------------------------------------------------

 

ที่มา : http://board.palungjit.org

ณัฐวุฒิ แจ๊ดสูงเนิน / สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน