- 20 เม.ย. 2560
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ http://www.tnews.co.th
เรื่องหนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นร้อนเวลานี้คือเรื่องที่มีกระแสข่าวที่พูดต่อ ๆ กันไปว่า รัฐกำลังจะร่างกฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ถึง ๙๙ ปี และมีการโพนทะนาว่า “ขายชาติ” นำโดยนักวิชาการที่เคลื่อนไหวการเมืองบางคน รวมไปถึงกลุ่มพันธมิตรฯ เดิมที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้คนแตกตื่นว่าจะมีการขายชาติให้กับต่างชาติ
ล่าสุด... เพจ "Kittitouch Chaiprasith" ก็ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว ดังนี้ :
ผมอยากขอให้ตั้งสติและศึกษาข้อมูลก่อนว่ามันมีข้อเท็จจริงอย่างไร...ก่อนที่จะเชื่อตาม
ไม่ใช่การร่างกฎหมายการเช่าที่ดินใหม่ แต่เป็นกฎหมายเดิมที่ใช้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒
แท้ที่จริง ปัจจุบันไม่ได้มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเช่าที่ดินอะไรเลย มีแต่การร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ต่างหาก
โดยร่าง พ.ร.บ. นี้ให้ต่างชาติเช่าที่ดินเพื่อการลงทุนระยะยาวเป็นเวลา ๕๐ ปี จากนั้นให้มีสิทธิ์ต่อรอบสองได้อีก ๔๙ ปี ตามการเห็นชอบของรัฐบาลผู้ปล่อยเช่า ซึ่งถ้ารัฐบาลในเวลานั้นมองว่าไม่เหมาะที่จะปล่อยเช่าก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ต่อสัญญา
ประเด็นคือ กฎหมายนี้ไม่ใช่เพิ่งถูกร่าง แต่ใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือเกือบจะ ๒๐ ปีแล้ว!! ใช้มาตลอดทุกยุค ตั้งแต่ยุคของรัฐบาลชวน, ทักษิณ, สุรยุทธ์, สมัคร, อภิสิทธิ์, ยิ่งลักษณ์, จนมาถึงรัฐบาล คสช. ในปัจจุบันนี้
แปลว่า ไม่ว่าจะมี พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือไม่ก็ตาม นักลงทุนต่างชาติก็เช่าที่ดินได้ ๕๐ ปี และต่อได้ ๕๐ ปีมาได้ตลอด
โดยใน พ.ร.บ. ที่ใช้กันมาจะ ๒๐ ปีแล้วนั้น ก็มีรายละเอียดไว้หลายข้ออยู่แล้วนะครับ เช่น กำหนดประเภทของกิจการที่จะมาเช่า กำหนดวงเงินในการลงทุนว่าต้องไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านบาท ในกรณีที่เช่าไม่เกิน ๑๐๐ ไร่ ซึ่งถ้าเกินกว่า ๑๐๐ ไร่ ต้องเป็นกิจการที่มีเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้านบาท และเพิ่มมูลค่าการส่งออกหรือสนับสนุนและการจ้างแรงงานภายในประเทศ เป็นต้น
******************************************
กฎหมายขายชาติ? ...
แล้วที่เขาใช้กันทั่วโลกล่ะ? ...
หลายคนอาจจะพยายามแย้งว่า
“ใช้มาเกือบ ๒๐ ปี แล้วยังไง ... กฎหมายขายชาติก็เป็นกฎหมายขายชาติอยู่ดี ต้องยกเลิกให้หมด!!”
อันนี้ก็เป็นเรื่องตลกพิลึกพิลั่นครับ เพราะถ้าบอกว่ากฎหมายที่มีระยะเวลาเช่า (เพื่อการลงทุน) แบบนี้เป็นกฎหมายขายชาติ ประเทศส่วนใหญ่ในโลกคงขายชาติกันหมด เพราะระยะเวลาการเช่าที่ดิน ๕๐ และต่อได้ หรือ ๙๙ ปีนั้น เป็นหลักสากลที่เขาใช้ทั่วไปในอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน อเมริกาใต้ หรือประเทศรอบข้างอย่างกัมพูชา ลาว เวียดนาม พม่า สิงคโปร์ ก็ล้วนแต่ให้เช่าได้ตั้งแต่ ๕๐-๙๙ ปีทั้งนั้น
บางประเทศกำหนดเขตการเช่าไว้ เช่น เช่าเพื่อการลงทุนและในเขตเศรษฐกิจพิเศษก็จะยาวตั้งแต่ ๕๐-๗๕-๙๙ ปี ส่วนเช่าอยู่อาศัย บางที่ก็เริ่มที่ ๓๐ ปี (เช่น ประเทศไทย เป็นต้น) แต่บางที่ก็ไม่กำหนดเลย เช่น ยุโรปส่วนใหญ่ ต่างชาติเช่าที่ดินได้เหมือนกับพลเมืองเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เกิน ๙๙ ปี ส่วนประเทศที่เช่าได้ ๕๐ ปี ก็มักจะมีออปชันเสริมที่ให้ผู้เช่าต่ออายุได้เมื่อครบกำหนดแล้ว (ของไทยเราก็ใช้ตามสูตรนี้)
สรุป :
สรุปว่า เขาก็ใช้กันแบบนี้กันทั่วโลกนะครับ บางประเทศไม่มีกำหนดเกณฑ์ควบคุมด้วยซ้ำ ของเราที่กำหนดไว้ที่ ๕๐ และต่ออายุได้ ๔๙ ปี ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ คือไม่มากระดับ ๙๙ ปีเลย และไม่น้อยจนเกินไปจนนักลงทุนไม่อยากมา
ซึ่งก็น่าประหลาดใจมากว่าคนบางกลุ่มจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาปลุกกระแสกันทำไม??
อย่างกลุ่มพันธมิตรฯ นี่ไม่แปลกใจครับ เพราะเขาทำแบบนี้กันประจำอยู่แล้ว (จนหลายคนเลิกติดตามกันไปแล้ว) แต่ที่น่าประหลาดใจมาก ๆ ก็คือพวกนักวิชาการเสื้อแดง/หัวก้าวหน้าฯ ที่ชอบออกมาโพนทะนาว่าไม่มีต่างชาติมาลงทุนเพราะรัฐประหาร บลาๆ แต่มาทีนี้กลับแกล้งหยิบเอาเรื่อง “ขายชาติ” มาเล่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เคลื่อนไหวกับนักวิชาการคนอื่น ๆ หาว่าคนไทยกลุ่มหนึ่ง “คลั่งชาติ” ทำให้ไม่มีต่างชาติมาลงทุนในประเทศ ... เลยสงสัยว่าพวกเขาจะเอาอย่างไรกันแน่? เห็นกลับไปกลับมาตลอด
หรือว่าอะไรที่หยิบเอามาสร้างกระแสโจมตีรัฐบาลที่ตนต่อต้านได้ก็พร้อมจะหยิบเอามาเล่น แม้ว่าจะขัดแย้งกับที่พวกตนเคยพูดและสนับสนุนในอดีตก็ตาม? (ก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้มีศักดิ์ศรีอยู่บ้างหรือไม่ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้และก็พร้อมจะกลืนน้ำลายตัวเองตลอดเวลา)
อย่าง Voice TV นี่ก็ตลกที่ทำมาเป็นพาดหัว “ลาวเลิก ‘ต่างชาติเช่าที่ดิน ๙๙ ปี’ สวนทางไทย” ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น ทางลาวจากเดิมที่ให้ทีเดียวถึง ๙๙ ปี ก็เปลี่ยนมาเป็นแบบของไทย คือ ๕๐ ปี แล้วค่อยพิจารณาต่ออายุเพิ่มอีก
ก็ไม่เข้าใจว่ามัน “สวนทาง” กับไทยอย่างไร หรือว่าพาดหัวเพราะรู้ว่าคนที่ติดตามตัวเองนิยมอ่านแต่พาดหัว ไม่อ่านเนื้อหาข่าวอยู่แล้ว รวมถึงไม่เคยคิดจะหาข้อมูลเพิ่มเติมกันด้วย??
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ :
สุดท้ายครับ...อยากจะขอฝากคนไทยว่าเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมออนไลน์เวลานี้ช่างน่ากลัวและน่าเบื่อ เพราะมีแต่การใช้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลข้อเท็จจริง เราถูกปลุกระดมกันง่ายมากด้วยถ้อยคำสวย ๆ การพยายามอุปโลกน์ตนเป็นผู้ต่อต้านความอยุติธรรมจนเกินความจริงจนตกเป็นเหยื่อของอัตตาตนเอง จนแยกแยะไม่ได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร รวมถึงการขาดทักษะในการใช้เหตุผลบนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์หรือที่เรียกกันว่า “Critical Thinking” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับในยุคนี้ที่ข้อมูลข่าวสารมาจากหลาย ๆ ทาง ใครก็พูดอะไรได้ ใครก็สร้างภาพได้ ขอเพียงพูดให้มันดูสวย ๆ และพูดซ้ำ ๆ คนก็พร้อมจะคล้อยตามอย่างง่ายดายโดยไม่เคยตั้งข้อสงสัยหรือคิดเลยสักนิดว่าข้อมูลที่ตนได้ยินมานั้นจริงเท็จเพียงไร และคนอื่น ๆ ทั่วโลกเขาทำอย่างไรกันบ้าง
จึงทำให้เราเหมือนคนที่ “เดินปิดตา” และพร้อมเชื่อผู้นำทางความคิดบางคนที่ปากอ้างว่ากำลังทำให้เราตาสว่างและลุกขึ้นมาต่อสู้กับความอยุติธรรมอยู่ ทั้งที่จริง ๆ เขาต่างหากที่กำลังปิดตาเราอยู่!!
หมายเหตุ : ใครที่พยายามจะยกกรณีฮ่องกง ช่วยทำความเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะครับว่า ฮ่องกงนั้นไม่ได้อยู่ดี ๆ ให้อังกฤษเช่าที่ดิน แต่เพราะฮ่องกงอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษมาตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๔๒ และในปี ค.ศ. ๑๘๖๐ ก็ยึดพื้นที่เกาลูนเพิ่มอีก
ภายหลังอังกฤษเลยขอเช่าที่ดินรอบ ๆ เพิ่มในปี ค.ศ. ๑๘๙๘ และเช่ายาวมาจนครบ ๙๙ ปี ก่อนจะคืนที่ดินที่เช่ารวมถึงเขตที่ยึดครองมาให้กับรัฐบาลจีนทั้งหมดในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๑๙๙๗
คือโดนยึดประเทศในส่วนเกาะหลักไปหมด ... ภายหลังยังดีหน่อยที่มาขอเช่าที่ดินรอบ ๆ (มันไม่ยึดเพิ่มก็ดีถมไปแล้วนะครับ)
-----------------------------------------------------------------
ที่มา : เพจ "Kittitouch Chaiprasith"
