ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!

ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!

จากกรณี “ตายายเก็บเห็ด” ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในสังคมเวลานี้ เกิดเป็นกระแสดราม่าต่อเนื่องกันแตกออกไปหลายประเด็น โดยล่าสุด “ใบตองแห้ง” คอลัมนิสต์การเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อสังเกตคดี “ตายายเก็บเห็ด” บนเฟสบุ๊คในชื่อ “Atukkit Sawangsuk” โดยมีข้อความระบุว่า

 

ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!

 

ข้อสังเกตคดี "ตายายเก็บเห็ด"

1.ในตอนแรกคดีนี้ถูกเผยแพร่แบบ "ดรามา" ว่าแค่เก็บเห็ดติดคุก (คนเผยแพร่อาจไม่ได้จงใจดรามา แต่คนอ่านข่าวคนเล่าต่อเอาไปสรุปสั้นๆ จนเป็นดรามา) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ว่าเหลื่อมล้ำต่อคนจน

เมื่อมีคำพิพากษาฎีกา โดยมีรายละเอียดว่าจำเลยถูกตัดสินฐานตัดไม้ พวกคนชั้นกลางชาวกรุงที่ "ปกป้องกระบวนการยุติธรรม" (โดยเฉพาะปกป้องศาล) ก็เอามาตีปี๊บกันใหญ่ ตอนกลางวันฟังวิทยุ ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ก็ยังว่าเห็นไหม ไม่ใช่ตายายเก็บเห็ด ผู้จัดการก็ยกมาสรุป 6 ประเด็นที่ควรรู้ "ตายายเก็บเห็ด" ติดคุก
http://manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx…

อันที่จริง คดีนี้ก็ยังน่าจะอยู่บนฐานของความเหลื่อมล้ำอยู่นั่นเอง ความเหลื่อมล้ำกับคนจนที่ไม่รู้กฎหมาย หวาดกลัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นสภาพปกติทั่วไปในชนบท

ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!

2.คำพิพากษาศาลฎีกา ตั้งอยู่บนฐานสำคัญคือ คำสารภาพของจำเลยในศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยฎีกาว่าหลงเชื่อบุคคลภายนอกว่าถ้ารับสารภาพแล้ว ศาลจะลงโทษแค่ปรับ แต่ศาลฎีกาไม่เชื่อ ซ้ำยังมองว่ามีพิรุธที่อ้างว่าป่วยจากรถชนจนมีอาการงง เพราะข้อเท็จจริงพบว่าถูกรถชนหลังขึ้นศาลแล้ว

"เมื่อทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยทั้งสองไม่สมัครใจแต่อย่างใด และเป็นความเข้าใจผิดของจำเลยทั้งสองเอง ไม่อาจยกเป็นข้อต่อสู้ได้ ทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้ออ้างของจำเลยทั้งสองเป็นพิรุธรับฟังเป็นความจริงไม่ได้"

ผลคือ เมื่อคดีนี้ไม่ใช่คดีที่มีโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป การฎีกาว่าไม่ได้ทำความผิด ขัดกับคำให้การชั้นพิจารณา ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลจึงไม่รับวินิจฉัย

สรุปง่ายๆ อีกทีคือ เมื่อศาลเห็นว่ารับสารภาพไปแล้วในศาลชั้นต้นโดยสมัครใจ ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้ว่าไม่ผิด ศาลไม่จำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานต่อว่าผิดจริงไหม

ประเด็นนี้น่าคิด ถ้ามองจากสภาพชาวบ้านทั่วไป ถ้ามีคนบอกว่าสารภาพไปเถอะโทษแค่ปรับ (หรือรอลงอาญา) ชาวบ้านก็รับสารภาพนะครับ มีคำถามว่าตอนนั้นใครเป็นทนายความให้ ทนายให้คำแนะนำอย่างไร (ผมไม่ได้ตามแต่ต้น เข้าใจว่าคดีนี้น่าจะเป็นที่สนใจหลังศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว)

ส่วนเรื่องพิรุธ อ้างรถชนแล้วกลับเข้าตัว ทำให้ "ตายาย" ถูกมองว่าเจ้าเล่ห์ อันนี้ต้องถามทนายที่ยื่นฎีกา ว่าอ้างไปได้อย่างไร

ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!

3.ฎีกาอีกข้อ ที่จำเลยอ้างว่า การสอบสวนไม่ชอบ ไม่ได้แจ้งพฤติการณ์รายละเอียดตามคำฟ้องให้ทราบ ซึ่งศาลเห็นว่าพนักงานสอบสวนแจ้งแล้วเพียงแต่ไม่ปรากฏรายละเอียดมากเท่าที่บรรยายในคำฟ้อง

มีคำถามว่า ตอนสอบสวนได้มีทนายความอยู่หรือไม่ (ดูหน้าตาสองผัวเมีย นั่งให้ตำรวจสอบสวน ถามว่าแกจะรู้กฎหมายซักแค่ไหน)

4."ศาลปรานี ลดโทษ" ศาลตัดสินว่าจำเลยทั้งสองร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการตัดไม้ "ตามพฤติการณ์แห่งคดีเชื่อได้ว่าบุคคลที่เป็นกลุ่มนายทุนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ตามฟ้องโดยตรงยังมิได้มีการขยายผลและติดตามจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด คงมีจำเลยทั้งสองเท่านั้นที่ยอมเข้ามอบตัวเพื่อให้ดำเนินคดีต่อไปและสมัครใจรับสารภาพ" จึงลดโทษไงครับ

คำพิพากษานี้สวนกับคำฟ้องอัยการ ที่ฟ้องจำเลยเป็นตัวการ ตัดไม้ 1,148 ต้น คิดเป็นค่าภาคหลวง 5 แสนกว่าบาท

ขณะเดียวกันก็ย้อนกลับไปตบหน้าผู้รักษากฎหมาย ตำรวจ ป่าไม้ ด้วยว่ากลุ่มนายทุน ที่มีผลประโยชน์โดยตรง "ยังมิได้มีการขยายผลและติดตามจับกุมมาดำเนินคดีทั้งหมด"

ย้อนถามพวกที่สมน้ำหน้า "ตายายเก็บเห็ด" หน่อยสิครับ คุณคิดว่าสองผัวเมียขี่มอไซค์ นี่ต้องรับผิดชอบการตัดไม้ 72 ไร่ 1,148 ท่อน มูลค่า 5 แสนกว่าบาทจริงหรือ

5.เมื่อย้อนกลับไปข้อ 2 จะเห็นว่าศาลฎีกาให้ความสำคัญกับการรับสารภาพในศาลชั้นต้น ว่าเป็นไปโดยสมัครใจ จึงไม่สืบข้อเท็จจริงต่อว่าผิดจริงหรือไม่ เอาละ มุมนี้ศาลคงพิจารณาในข้อกฎหมายตาม ป.วิอาญา ว่าเมื่อจำเลยไม่สู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่ศาลชั้นต้น ชั้นฎีกาก็ไม่สามารถสู้ได้อีก

แต่ถ้าเรากลับไปดูข้อเท็จจริงในคดีทั้งหมด จะพบว่า ไม่ได้มีหลักฐานมัดตัวจำเลยแน่นหนา นอกจากรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ใกล้ๆ บริเวณที่ป่าไม้ไปไล่จับคนตัดไม้ จำเลยให้การว่าเห็นเขาวิ่งหนีก็หนีไปด้วย เจ้าหน้าที่ยึดรถไป ตามหาเจ้าของรถ สองผัวเมียไปมอบตัว รับว่าเป็นเจ้าของรถแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ตัดไม้ ไปเก็บเห็ด หาของป่า ตำรวจส่งฟ้อง แล้วอัยการก็สรุปว่าตัดไม้ 72 ไร่ เป็นเจ้าของไม้ที่กองไว้ทั้งหมด

ถ้าว่าตามพยานหลักฐาน ยังไม่เพียงพอหรอกนะครับ มันต้องดูว่าเครื่องมือที่ใช้ตัดไม้อยู่ที่ไหน ตรวจค้นบ้านแล้ว มีไม้ มีเครื่องมือหรือเปล่า มีทรัพย์สินเงินทองได้จากการขายไม้หรือเปล่า ปกติทำมาหากินอะไร ถ้าสงสัยว่ารับจ้างนายทุนไปตัด การตัดไม้ 72 ไร่มันก็ต้องทำกันเป็นทีมนะครับ ร่วมทีมกับใคร มันต้องมีการสืบสวนสอบสวนที่น่าเชื่อถือกว่านี้

แต่ในสำนวนฟ้องไม่มีเลย มีแต่บอกว่า 2 ผัวเมียตัดไม้ 72 ไร่ ราวกับเป็นนายทุนเอง "ใช้เครื่องมือใดไม่ปรากฏชัดตัดและโค่นไม้สัก" มันก็คล้ายจับฆ่าคนตาย เพราะเห็นอยู่ใกล้ๆ หรือมีพยานชี้ตัว แต่ไม่เจอปืน ไม่เจอมีด ถ้าไม่มีคำรับสารภาพไม่ติดคุกหรอกครับ

ละเมิดศาลหรือไม่? “ใบตองแห้ง” วิจารณ์ศาล คดี "2 ผัวเมียมอดไม้" เปรียบเทียบแรง!!...เหมือนจับคนอยู่ในเหตุการณ์มาเป็นฆาตกร!!