แจงMindset พวกขี้แพ้!!...เกลียดชังแม้กระทั่งชาติตัวเอง เอาจริตตนเองเป็นศูนย์กลางมองโลก จุดอ่อนทางความคิดของพวก "ร่าน" (สุวินัย ภรณวลัย)

ปรากฏการณ์ "ถอดรื้อมายาคติ" กับทฤษฎีวิพากษ์และจุดอ่อนทางความคิดของพวก "ร่าน" / สุวินัย ภรณวลัย / เพจเปาบุ้นจุ้น

พวกร่านเป็นพวกขี้ขลาดในหมู่ผู้กล้า เป็นทาสทางความคิดในหมู่เสรีชน และเป็นคนเนรคุณในหมู่คนหัวก้าวหน้า

(who is a coward's idea of a brave man; a slave's idea of a free man; and an ingrate's idea of a progressive man)

เหตุการณ์ฮือฮาในจีนเรื่อง "ไท่เก๊ก ประทะ MMA" ที่ผ่านมานั้น
เราสามารถมองได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ "ถอดรื้อมายาคติ" เพื่อขจัดความงมงายในยุคโพสต์โมเดิร์นอย่างหนึ่ง
ซึ่งพบเห็นทั่วไปแม้ในประเทศของเรา

(เหตุการณ์ฮือฮาในจีนเรื่อง "ไท่เก๊ก ประทะ MMA" นักชกMMAคนที่เอาชนะ อาจารย์ชี่กงได้ กลับมาพ่ายแพ้นักชกมวยตั๊กแตนอย่างหมดรูป ทั้งๆที่ฝีมือมวยตั๊กแตนของคนๆนี้ยังไม่ใช่ของจริงเลย)

 

ในจีนหวยมาออกที่ไท่เก๊ก เพราะทางการจีนระแวงและควบคุมการเคลื่อนที่งมงายทางความเชื่อและศาสนาอย่างจริงจัง รวมทั้งทางการเมืองด้วย
กระบวนการถอดรื้อจึงมาโผล่ที่ "วัฒนธรรมจีนอันเป็นความภูมิใจของชาติ" แทน

กล่าวในความหมายนี้ความเชื่อ ความคิด การแสดงออก และการกระทำของนักชก MMA ที่เกรียน โอหัง และก้าวร้าว
จึงมีลักษณะคล้ายพวก "ร่าน"ไทยอยู่ไม่น้อย

เพียงแต่พวก "ร่าน"ไทยแสดงความร่านออกมาทางการเมือง และการเมืองวัฒนธรรมที่เป็นสัญลักษณ์มากกว่าเท่านั้น

พวกเขาถูกเรียกว่า "ร่าน" เพราะมิได้ยึดถือทฤษฎีวิพากษ์อย่างเถรตรงที่เคารพและยึดมั่นใน "ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์" อย่างให้ความสำคัญสูงสุด
แต่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในการมองโลก มองสังคม มองคนอื่นอย่างมืดบอด เพ่งโทษเสมอมา

 

พวกร่านยังเป็นคนขี้ขลาดที่หลงตัวเองว่าเป็นคนกล้า เป็นทาสทางความคิดที่หลอกตัวเองว่าเป็นเสรีชน
และเป็นคนเนรคุณอย่างไม่ละอายใจโดยพอกฉาบตัวตนว่าเป็นพวกหัวก้าวหน้า

เนื่องจากกระบวนการ "ถอดรื้อมายาคติ" แบบโพสต์โมเดิร์น เป็นความคลั่งไคล้ทางความคิดของพวก "ร่าน" ไทย
พวกเขาแม้มีจำนวนไม่มากแต่เสียงดังเสมอ เพราะสื่อไทยจำนวนไม่น้อยก็ "ร่าน" ไม่แพ้กัน

ประเทศไทยก้าวหน้าไปกว่านี้ได้ยากขึ้นเรื่อย สาเหตุหลักๆส่วนหนึ่งย่อมมาจาก Mindset แบบพวกร่าน
อีกส่วนหนึ่งย่อมมาจาก Mindset แบบไอ้พวกขี้แพ้ของคนไทยจำนวนไม่น้อย โดยไม่เกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของผู้นั้น

*************

 

Mindset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิต / สุวินัย ภรณวลัย

การวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีหลักการ หลักวิชาการ มีหลักฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ แบบ Critical Thinking
กับการบ่น แซะ เสียดสี เจอปนด้วยอคติ ตั้งแง่ มองด้านเดียว เห็นแต่ต้นไม้ไม่เห็นป่า เอาจริตตัวเองเป็นที่ตั้ง
นั้นไม่เหมือนกัน และต่างกันราวฟ้ากับเหว

แบบหลัง ถือว่าเป็น Mindset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิต(loser) อย่างหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างแพร่หลายในสังคมนี้
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจริตของคนพวกนี้จะชอบฝ่ายไหนทางการเมืองในแต่ละช่วงเวลา
เพราะไม่ว่าจะเชียร์ฝ่ายไหน
การแสดงออกทางความคิด ทางคำพูด ทางสภาวะจิตใจ มันก็ยังคงสะท้อน Mindset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิตของผู้นั้นอยู่ดี

... หาความพอใจในตนเอง กับตนเองไม่ได้ ไม่สงบทางความคิดและจิตใจ
สอดส่าย ฟุ้งไปกับความคิดเชิงลบที่หล่อเลี้ยงอัตตาตัวเอง แทบทั้งวันในการแสดงออกทางความคิด
ขาดพลังสร้างสรรค์ในการกระทำของตน ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม

ความรักในใจตนเองค่อยๆเหือดหาย เหลือแต่อะไรก็ไม่รู้ที่ไม่คล้ายความรัก แต่ยังหลงผิดคิดว่าเป็นความรัก

โดยปกติ คนที่เป็นพวกขี้แพ้ต่อชีวิต มักไม่รู้จัก หรือรู้เท่าทัน Mindset ของตัวเองหรอก
เพราะถ้ารู้เท่าทัน พวกเขาจะไม่มีวันสาปแช่งตัวเองอยู่ทุกวี่วันแบบนี้หรอก
เหมือนกับที่คงไม่มีใครใช้น้ำอุจจาระ อาบน้ำรดตัวเอง ชำระร่างกายตัวเองได้ทุกวันหรอก
แต่นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ทุกๆวัน กับคนที่มี Mindset แบบนี้ ที่ใช้คำพูดหล่อเลี้ยงความสกปรกอัปลักษณ์ทางความคิดของตัวเอง

ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่คนเรากระทำต่อตัวเองทุกวี่วัน
คือการทำให้จิตวิญญาณตัวเองอัปลักษณ์ น่าเกลียดลงเรื่อยๆ ผ่านการบิดเบี้ยวของหัวใจและจิตใจของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว

สื่อโซเชียลทำให้ข้าพเจ้าแลเห็น Mindset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิต ปรากฏออกมามากมายในทุกๆเรื่องราวของสังคม
สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ไม่มีการฝึกเจริญสติแบบไหนทรงพลังเท่ากับ การเห็นและรู้ทัน Minndset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิตในแต่ละวันอีกแล้ว

แต่มันเป็นความย้อนแย้ง ( Paradox ) ของชีวิตอย่างหนึ่งที่พวกขี้แพ้ต่อชีวิตมักไม่รู้ตัวเองว่า
จริงๆแล้วตัวเองเป็นพวกขี้แพ้ เพราะ Mindset แบบนี้มันปกปิดบดบังความคิดเอาไว้

วิธีฝึกจิต ดูจิตในโลกโซเชียลที่ง่ายที่สุด ที่ทุกคนทำได้เลยคือ การรู้จักแยกแยะให้ออกว่า นี่เป็น Mindset ของพวกขี้แพ้ต่อชีวิตหรือไม่ ในสิ่งที่เราคิด เราแสดงออกมา หรือคนอื่นคิด คนอื่นแสดงออกมาในแต่ละครั้ง

มันจึงไม่ใช่เรื่องผิด ที่คนๆนั้นคิดว่าตัวเองเกิดมาผิดประเทศ จึงรู้สึกชังชาติตัวเอง หรือไม่พอใจประเทศตัวเองหรอก เพราะคนแบบนี้ ที่มี Mindset แบบพวกขี้แพ้นี้ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีวันพอใจชีวิตทั้งนั้น .... ถ้าจะผิด ก็คงผิดตรงที่คนผู้นั้นดันเลือกน้อมรับ Mindset แบบนี้มาเป็นหลักคิดในการดำรงชีวิตของตัวเองต่างหาก

 

บทความ : สุวินัย ภรณวลัย

 

(สุวินัย ภรณวลัย)