ละสิ้นเรื่องทางโลก ตามหาความสุขอันแท้จริง!! "สุมโนภิกขุ" อดีตนักธุรกิจพันล้าน ทิ้งความหรูหราระดับไฮคลาส สู่ชีวิตที่สันโดษเรียบง่าย

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

  ละสิ้นเรื่องทางโลก ตามหาความสุขอันแท้จริง!! "สุมโนภิกขุ" อดีตนักธุรกิจพันล้าน ทิ้งความหรูหราระดับไฮคลาส สู่ชีวิตที่สันโดษเรียบง่าย

            “พระอาจารย์สุมโน ภิกขุ” พระฝรั่งศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท อดีตชาวเมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา นักธุรกิจระดับไฮคลาส มีทรัพย์มากมาย กลับสละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ความสุขสบายอันหอมหวานในชีวิตฆราวาส แล้วหันเหตัวเองสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เพื่อดำเนินชีวิตในวิถีทางที่สันโดษและเรียบง่ายภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา เพราะวันหนึ่งเขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่าชีวิตหมดความตื่นเต้น และแสนจะน่าเบื่อ

 

               ต้องย้อนเล่ากลับไปถึงเมื่อครั้งพระอาจารย์สุมโนยังเด็ก ครอบครัวของท่านนับถือศาสนายิวกัน ท่านเล่าว่า ด้วยความที่มีนิสัยเป็นคนชอบอ่านหนังสือและแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ท่านจึงได้รู้จักพระพุทธศาสนาครั้งแรกเมื่อตอนที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมปลาย เมื่อวันหนึ่งท่านพบกับ หนังสือบางเล่มที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาวางอยู่บนโต๊ะในห้องสมุด

ละสิ้นเรื่องทางโลก ตามหาความสุขอันแท้จริง!! "สุมโนภิกขุ" อดีตนักธุรกิจพันล้าน ทิ้งความหรูหราระดับไฮคลาส สู่ชีวิตที่สันโดษเรียบง่าย

                 นี่จึงส่งผลให้พระอาจารย์สนใจเรื่องการนำหลักการฝึกสมาธิของทางพระพุทธศาสนา มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาตัวเอง ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาศึกษาศาสนาหลายศาสนาและหลายนิกาย

            ในวัย 32 ปี เริ่มมีใจลึกซึ้งในพระพุทธศาสนา จึงมีความสนใจอยากจะศึกษาพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น กระนั้นก็เริ่มห่างจากแวดวงทางธุรกิจออกมาเรื่อยๆ แต่เวลานั้นยังไม่ได้มีความคิดที่จะบวชแต่อย่างใด

ละสิ้นเรื่องทางโลก ตามหาความสุขอันแท้จริง!! "สุมโนภิกขุ" อดีตนักธุรกิจพันล้าน ทิ้งความหรูหราระดับไฮคลาส สู่ชีวิตที่สันโดษเรียบง่าย

              ตอนนั้นท่านเลือกที่จะเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย ระหว่างทางได้ไปแวะที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะเพื่อนของพระอาจารย์ได้แนะนำให้รู้จักวัดแห่งหนึ่งที่นี่ ซึ่งเมื่อสมัยที่ท่านไปเยือนครั้งแรกนั้นยังไม่ได้เป็นวัด แต่ต่อมาได้กลายมาเป็น วัดจิตตวิเวก (วัดป่าสาขาวัดป่าหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี แห่งแรกในประเทศอังกฤษ) ที่ช่วงเวลานั้นมี พระราชสุเมธาจารย์ (พระอาจารย์โรเบิร์ต สุเมโธ) หรือท่านสุเมโธภิกขุ เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก เมื่อเริ่มแรกก่อตั้งวัดในปี พ.ศ. 2522

 

            โดยทุกๆ เย็นจะต้องนั่งรถลีมูซีนคันหรูเพื่อไปสวดมนต์ที่วัด ก่อนจะตัดสินใจนุ่งขาวห่มขาวอยู่นานถึง 3 ปี จึงทำให้ความตั้งใจที่จะไปอินเดียในครั้งนั้นเป็นอันต้องล้มเลิกไป และในที่สุดจึงตัดสินใจบวชเมื่ออายุได้ 35 ปี

 

          นอกจากวัดจิตตวิเวก พระอาจารย์ได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัดอีกแห่ง คือ วัดอมราวดี เมืองฮาร์ดฟอร์ด ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยสเกลที่มีขนาดใหญ่ ต้องใช้เวลาในการสร้างนาน จึงไม่อยากใช้เวลาให้หมดไปกับการเป็นช่าง แต่อยากศึกษาหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนามากกว่า

              วันหนึ่งท่านตัดสินใจเดินทางสู่ประเทศไทย ทำให้พระอาจารย์ได้มีโอกาสแวะเวียนไปกราบไหว้ และเรียนรู้ธรรมะจากพระชื่อดังหลายรูปในประเทศไทย อาทิ ท่านพุทธทาสภิกขุ, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และหลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นต้น โดยเฉพาะ หลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ที่พระอาจารย์รู้สึกเลื่อมใสศรัทธามากเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะเคยบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดสาขาของท่านที่อังกฤษ พระอาจารย์จึงไม่รีรอที่จะเดินทางสู่ภาคอีสาน ไปยังที่พำนักของหลวงพ่อชาเพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์

ละสิ้นเรื่องทางโลก ตามหาความสุขอันแท้จริง!! "สุมโนภิกขุ" อดีตนักธุรกิจพันล้าน ทิ้งความหรูหราระดับไฮคลาส สู่ชีวิตที่สันโดษเรียบง่าย

            โดยท่านเล่าถึงความประทับใจในหลวงพ่อชาว่า

            “พระอาจารย์ชาเป็นพระที่มีจิตบริสุทธิ์มาก และสามารถระลึกรู้ในสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคิด ทำให้หลวงพ่อรู้สึกว่าทึ่ง มันจะมีคำว่าดี ถูกต้อง และความเหมาะสมใช่ไหม เวลาที่เราต้องเผชิญกับอะไรสักอย่าง เรามักจะคิดก่อนว่าต้องทำอย่างไรดี ทำอย่างไรถึงจะถูก พอเป็นอย่างนั้นมันจะเกิดการคิด เพราะเราต้องคิดถึงว่า ค่านิยม กาลเทศะ กับบุคคลเหล่านี้เราต้องทำอย่างไร พอมันเกิดการคิด มันต้องคำนึงถึงอดีต ไม่ใช่ปัจจุบันขณะแล้ว เราจึงคิดตัดสินว่า เราต้องทำอย่างไรจากสิ่งที่เราเคยได้ยินเคยได้เห็น แต่พระอาจารย์ชาท่านไม่ได้เป็นอย่างนั้น การแก้ปัญหาของท่านเป็นการรู้จากปัจจุบันขณะและใช้คำว่าเหมาะสม”

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 122 มกราคม 2554 โดย พรพิมล