หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ http://www.tnews.co.th

ผ้ายันต์ พระอรหันต์ 108 องค์ พิธีมหาจักรพรรดิ์ ของท่านอาจารย์เฮง ไพรยวัล ทำพิธีที่พระอุโบสถ วัดสะแก อยุธยา เมื่อประมาณปี 248.. กว่า เกจิคณาจารย์ ร่วมในพิธี ถึง 108 องค์ สวดบทรัตนมาลาเต็มบท เป็นพิธีที่ใหญ่ที่สุด จัดได้ยากมากในสมัยนั้นเพราะต้องนิมนต์พระถึง 108 องค์

ผ้ายันต์ทุกผืนจะมีหมายเลขกำกับ และจะมีชื่อ พระอรหันต์ ทุกผืน สร้าง 108 ผืน

หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์ หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

นับเป็นของหายากยิ่งนัก ในปัจจุบันไม่มีให้เห็นหรือหมุนเวียนในตลาดเลย ด้วยอายุการสร้างประมาณ 80 ปี

ชำรุดเสียหายตามกาลเวลาไปก็มาก ยันต์ด้านหลัง ประทับพระยันต์ รัตนบัลลังค์ ผืนนี้เป็นผืนแรกในชีวิตครับ

เท่าที่สอบถามพี่โย อยุธยาเคยผ่านมือ 4 ผืน คือ เบอร์ 46(ถ้าจำไม่ผิด) 79 83 97 ผืนนี้คือหนึ่งในนั้นเบอร์ 83 ครับ

หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

 

ผ้ายันต์ผืนนี้เรียกได้ว่าสภาพสมบูรณ์สุดๆ มีรอยจารอักขระลายมือหลวงปู่ศรี(สีห์) ท่านเขียนได้สวยงามมาก นับเป็นเพชรยอดมงกุฏของเครื่องรางสายวัดสะแกที่เรียกได้ว่าหายากแบบต้องพลิกแผ่นดินหา เก็บบูชาไว้เป็นสิริมงคลสูงสุดครับ

 

 

สำหรับอาจารย์เฮงนั้น ท่านเป็นฆราวาสในยุคอดีตที่ได้รับการยอมรับนับถืออย่างกว้างขวาง

ประวัติ "อาจารย์เฮง ไพรยวัล" จากจารึกที่เก็บกระดูกอาจารย์เฮง ณ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา เขียนไว้ว่า "เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ สิริอายุ ๗๕ ปี"

 

หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

พื้นเพท่านเป็นคนบ้านหันตรา จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาท่านเป็น นายตำรวจ หรือผู้ตรวจการณ์คุก โดยบิดาส่งไปเรียนที่ปีนัง สิงคโปร์ แต่เรียนไม่สำเร็จ ท่านเป็นคนชอบเรียนวิชาไสยศาสตร์ ได้ท่องเที่ยวเล่าเรียนมาแต่ทางภาคใต้ ท่านอาจารย์เฮงเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ พระยาเพชรปรีชา มีเพื่อนฝูงเป็นเจ้าพระยาหลายคน

หาชมยาก!! งดงามผ่านกาลเวลามากว่า80ปี "ผ้ายันต์อรหันต์108องค์" เปิดตำนานขมังเวทย์! อ.เฮงไพรวัล ขลัง...จนตำรวจต้องร้องขอให้เลิกสำนักสักยันต์

 

เมื่อท่านเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา คือ จ.พระนครศรีอยุธยา คราวเมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านให้ความสนใจศึกษาตำรับตำราทางไสยศาสตร์ อันว่าด้วยเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ จากจารึกวัดประดู่โรงธรรมอย่างแตกฉาน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมัย สมเด็จพระพันรัต วัดป่าแก้ว หรือใน รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓-๒๑๔๘) นั้น รวบรวมสรรพวิทยาไสยศาสตร์ โดยจารึกไว้ที่ วัดประดู่โรงธรรม นี้อย่างพร้อมสรรพ

 

ตำรับวัดประดู่โรงธรรม เป็นแม่บทของตำราที่ว่าด้วย เวทมนตร์คาถาและอักขระเลขยันต์ ที่มีปรากฏและเล่าเรียนสืบต่อมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์เฮงนั้น ท่านเรียนรู้ตาม คำภีร์รัตนมาลา อย่างแตกฉาน และเจนจบมาก

 

หลังจากที่ ท่านอาจารย์เฮง สึกจากการอุปสมบทแล้ว ท่านกลับมาครองเพศฆราวาส เริ่มปรากฏชื่อเสียงเกียรติคุณกระเดื่องดัง ทางเป็นพระอาจารย์ของท่าน เริ่มต้นด้วยการเป็น อาจารย์สัก ก่อน

 

หลวงปู่สี เล่าว่า ครั้งกบฏบวรเดช ในสมัยรัชกาลที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๗๖) มีนายทหารและข้าราชการมาให้ท่านสักเป็นจำนวนมาก และจากการที่ท่านอาจารย์เฮง ตั้งพิธีสักที่วัดหันตรานั่นเอง

 

ครั้งนั้น ท่านอาจารย์เฮง จำเป็นต้องอาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์ในพิธีสักนั้นด้วย ในสมัยนั้น (พ.ศ. ๒๔๗๖) ในท้องที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หาพระที่สวดพุทธมนต์และพุทธาภิเษกพิธียากมาก ยกเว้น ท่านอาจารย์สี วัดสะแกเท่านั้น เพราะท่านอาจารย์สีเคยลงมาศึกษาอยู่ที่สำนักวัดเลียบ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีความเจนจบในเรื่องนี้อยู่

 

สืบต่อมาเมื่อท่านอาจารย์เฮง จะประกอบพิธีกรรมครั้งใด จำต้องมาอาราธนาท่านอาจารย์สีไปร่วมพิธีทางฝ่ายสงฆ์อยู่เสมอ

 

โดยพื้นฐานและฐานะของท่านอาจารย์เฮงนั้น จัดว่าเป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ท่านมีบ้านเป็นหลักแหล่งอยู่ที่ทุ่งหันตรา มีไร่นา และมีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่วังน้อย เมื่อท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทางกรุงเทพฯ มากขึ้น เพื่อความสะดวกในการประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา จึงเชิญท่านมาเช่าบ้านอยู่ที่สวนมะลิ และย้ายมาอยู่ที่ห้องแถวหน้าสมาคม วาย.เอ็ม.ซี.เอ วรจักร จนกระทั่งสงครามมหาเอเชียระเบิด ท่านจึงอพยพขึ้นไปอยู่ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ดังเดิม

 

*** ตอนสมัยที่ท่านเข้ามาพระนครนั้น เป็นสมัยยุคนักเลง และ อั้งยี่เฟื่องฟู... พวกที่คอยขย้ำกันอยู่ในเมืองกรุงก็มี เก้ายอด หลวงพ่อหรุ่น , พวกยันต์แดง อ.เฮง , สามล้อถีบวัดสามจีน และ พวกลูกศิษย์สาย หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา พ่อแก้ว คำวิบูลย์

 

สมัยนั้น อ.เฮง จอดเรืออยู่หน้าวัด เชิงเลน (วัดบพิธภิมุข)... สักกันจนตำรวจต้องไปขอร้องให้เลิกสัก..เพราะลูกศิษย์ลูกหาไปเป็นโจรกันเยอะเหลือเกิน ปราบก็ยาก เนื่องจากคงกระพันนั้นเป็นเลิศทีเดียว...

อ.เฮง ท่านเป็นเลิศในหลายๆด้าน ทั้งไสย ทั้งศิลป์ และท่านยังเป็นเพื่อนซี๊ปึก กับ ครูเหม เวชกร... ครั้งนึง ครูเหม ออกปากว่า.. "..หน้าพรหม ไม่มีใครเขียนให้เห็นได้ทั้งสี่หน้า ที่ อ.เฮงคนเดียว ที่เขียนได้.."

คัดลอกจากประวัติส่วนหนึ่งของ อ.เฮง ไพรวัลย์  เว็บไซต์ "คนรักมีดดอทคอม"

ข้อมูลเรื่องผ้ายันต์ - เฟสบุ๊ค ธน วงศ์เครือมั่น