หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง

อยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นนี้ ได้รู้เรื่องราวความวิเศษของพุทธศาสนาเรื่องเทพ เทวดา ภูต ผี ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ ท่านเห็นประหนึ่งว่าเป็นหลักธรรมชาติทั่วๆ ไป แต่สำหรับพวกเราเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น น่าหวาดเสียวตื่นตูม อยากรู้อยากเห็น เป็นเรื่องใหม่ ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นมีประจำโลกมานมนาน เมื่อเราทราบว่าท่านรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ อันเหตุสุดวิสัยของมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่จะรู้ได้ ก็อดที่จะกราบเรียนถามท่านไม่ได้ ทั้งที่มีความกลัวมากกว่าความกล้าเป็นเท่าทวีคูณ แต่ก็ต้องจำยอมอดทนบากหน้าถาม เพื่อสนองความอยากรู้และความสงสัยแห่งตน เมื่อได้โอกาสถามก็เข้าไปใกล้ๆ อันเป็นเวลาทำวัตรปฏิบัติ กำตามแข้งตามขา ยังไม่ได้ทันถามเลย เพียงแต่คิดไว้ภายใน ท่านกลับถามเราขึ้นก่อนว่า
“เจี๊ยะ...มีอะไรจะถามก็ถามมา ท่านนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ท่านเปรยขึ้นเท่านั้นเราก็ปอดแหกแล้ว
“ครูบาจารย์ เทวดาหน้าตามันเป็นอย่างไง อยากเห็นบ้าง?” เราก็เสือกถามท่านทั้งที่กลัวจะตาย

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง

ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :"พระเจี๊ยะตายแล้ว!!" ... ปริศนาธรรมครั้งสุดท้ายของหลวงปู่เจี๊ยะก่อนละสังขาร!!

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
“ฮื้อ!...มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา เราจะรู้ไปทำไม ท่านนี่ชอบถามซอกแซกกวนใจ ทำความดีให้มันถึงสิ ปัญหามันอยู่ที่เรา ไม่ได้อยู่กับเทวบุตรเทวดาที่ไหน ดูหน้าตาเรา ดูหนังเราให้มันเห็นชัด ด้วยปัญญานั่นสิ พระพุทธเจ้าเห็นพระองค์เองก่อน ตรัสรู้เรื่องตน ละตัวตนก่อน ค่อยมาสอนคนอื่น หรือสอนเทวดาทีหลัง ยังไม่ทันไร ยังไม่ไปไหนมาไหน อยากเห็นนั่นเห็นนี่ มันไม่ถูก ทั้งที่ตาบอดแต่อยากเห็นนั่นเห็นนี่ เดี๋ยวก็เดินชนตอลูกกระตาแตกหรอก” ท่านตอบด้วยวาทะแห่งบุคคลผู้ที่ชาญฉลาด
“ก็ผมอยากรู้นิ...ครูบาจารย์ ก็ผมไม่เคยเห็น ก็อยากเห็น อยากรู้บ้าง” เรานิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วท่านก็พูดขึ้นต่อไปตามอัธยาศัยว่า
“ศาสนานี้เรียนให้ดีลึกล้ำที่สุด ผมไปเที่ยวภาวนาอยู่ในป่า มีสหธรรมิกของผมรูปหนึ่งอยู่ในป่าโน่นน่ะ โอ๊ย!...เจี๊ยะเอ้ย...แม้รูเท่านิ้วก้อย นี่ท่านยังมุดเข้าไปได้ หายตัวไปเลย ทะลุฟ้า ทะลุดิน แผ่นดิน แผ่นน้ำ ทะลุได้หมด จะไปไหนเพียงแค่ลัดเดียว ตอนนี้ท่านตายอยู่ในป่าไปแล้ว”
“โอ้!...ขนาดนั้นหรือครูบาจารย์...ถ้าไปอยู่ในเมืองหลวง เมืองไทย ป่านนี้ดังระเบิดเถิดเทิงไปแล้ว เสียดายไม่น่าตายไปเปล่าๆ อยากเห็นบ้างแบบนี้” กราบเรียนท่านด้วยความตื่นเต้น
“ก็มีแต่อย่างนี่แหละ.. พวกตาบอด...เจี๊ยะเอ้ย!..ใครไม่ได้รู้ไม่ได้เห็นเสียชาติเกิดทีเดียว” ถามท่านเรื่องนี้โดนท่านดุทุกที (หัวเราะ)
จากนั้นท่านก็เล่าเรื่องไปถึงมูเซอ มีเทวดามาฟังเทศน์กันเยอะ มาเป็น พันๆ หมื่นๆ พวกเทวดาเยอรมันก็มาฟัง ทีนี้พวกมูเซอมันเห็นแสงสว่างบนภูเขาทั้งลูก อยู่ดีๆ สว่างเข้ามาเรื่อย แสงสว่างเต็มไปหมด มันก็ว่าตอนกลางคืนท่านนั่งภาวนาอยู่ แสงสว่างจ้าหมดบนเขาตอนเช้าท่านไปบิณฑบาต พวกมูเซอมันก็ถาม
“ตุ๊เจ้า... ตุ๊เจ้าจุดตะเกียงเจ้าพายุรึ เมื่อคืนนี้สว่างหมดทั้งเขา ตุ๊เจ้า... ใช้ตะเกียงเจ้าพายุรุ่นไหนสว่างคักแท้”
“ไอ้ห่า... กูมีตะเกียงเจ้าพายุซะที่ไหน”
“ทำไมที่บนเขามันสว่างขาวเกลี้ยงหมดทั้งลูกล่ะ... ตุ๊หลวง”
“ไม่รู้โว๊ย...”
ท่านปิดไม่บอก แล้วทีหลังท่านมาพูดให้เราฟังว่า “เทวดามาเป็นแสนๆ นะ มาฟังเทศน์ที่ดอยมูเซอ เทวดาจากเยอรมันก็มี ทำบุญดีตายไปได้ขึ้นสวรรค์ ครูบาอาจารย์องค์ไหนมีญาณดีๆ เมื่อเราตายไปแล้ว กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ก็จะได้เป็นลูกศิษย์ท่าน เป็นมนุษย์มันมีแต่ห่วงบ้านเดี๋ยวตายไปเป็นเปรต ฟังซิ ต้องถือเป็นคติพระ อย่าไปห่วงมันเยอะข้าวของเงินทอง ตายแล้วเอาไปไม่ได้หรอก ไปหัดภาวนาให้เป็น ไม่ต้องเอาอะไรมาก เพียงแต่ให้ใจ “พุทโธ” อันเดียวก็พอแล้ว ใจอยู่กับพุทโธ โธ ๆ ๆ ๆ เราก็จะได้ไปสู่สวรรค์ ไปสู่สุคติใจสบาย
ท่านเล่าให้ฟัง ตอนที่อยู่แม่กอยเชียงใหม่ เราก็เสือกถามท่านเรื่องเทวดาทีไร ท่านก็ดุทุกที 
เราอุปัฏฐากทำวัตรปฏิบัติท่านพระอาจารย์มั่นที่ป่าเเปอะ ตำบลท่าวังช้างนี้ ๖ เดือน ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม) เจ้าคณะมณฑลอุดรฯ ได้มีหนังสือมานิมนต์ให้ท่านกลับไปอุดรฯ ประกอบกับองค์ท่านเองก็มีความประสงค์จะกลับทางภาคอีสาน อยู่แล้วเพราะอยู่ทางเหนือมานานเป็นเวลา ๑๒ ปี ท่านจึงเอ่ยขึ้นว่า
“เจี้ยะเว้ย!...กลับบ้านเราเถอะ มาอยู่ทางเชียงใหม่ไม่ค่อยได้หมู่คณะ ลงไปทางอีสานบ้านเราจะได้หมู่คณะแยะกว่า กลับทางเราดีกว่า”
เมื่อท่านพูดอย่างนั้น เราก็ยินดีเป็นที่ยิ่ง ที่จะได้กลับทางภาคอีสานซึ่งไม่เคยไปมาก่อน ถึงไปก็แค่ครึ่งเดียว ที่วัดบ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา 

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :ไม่เข้าถ้ำเสือ...ไหนเลยจะได้ลูกเสือ!! หลวงปู่เจี๊ยะเล่าวีรกรรมสุดประทับใจ... "ถ้าไม่แหย่หลวงปู่มั่นก็ไม่ได้ฟังธรรมะดี ๆ จากท่าน"!!

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ เราติดตามท่านพระอาจารย์มั่นเดินทางเข้าเชียงใหม่ อันเป็นกำหนดเวลามารับของท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ เข้ามาพักที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ก่อน ท่านเล่าว่า
“ในขณะที่พักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงนี้ พวกรุกขเทวดาจำนวนมากพากันมาอาราธนาวิงวอน ขอให้ท่านพักอยู่ที่นั่นต่อไป ยังไม่อยากให้หนีไปไหนเพราะเวลาอยู่ที่นั้นพวกเทวดาทุกชั้นทุกภูมิได้รับความร่มเย็นเป็นสุขโดยทั่วกัน เพราะอำนาจเมตตาธรรมแผ่ครอบคลุมทั่วทุกทิศทุกทางทั้งกลางวันกลางคืน เทวดาทั้งหลายมีความสุขมากและเคารพรักมาก ไม่อยากให้จากไป เมื่อจากไปแล้วความสุขที่จะพึงได้รับก็จะลดลง แม้การปกครองกันเองในหมู่เทพก็จะไม่สะดวกเหมือนที่ท่านยังอยู่
ท่านได้บอกกับเทวดาทั้งหลายว่า
“เป็นความจำเป็นที่จะต้องจากไป เพราะได้รับคำนิมนต์ไว้แล้ว จำต้องไปตามความสัตย์ความจริง จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ คำพูดของพระไม่เหมือนกับคำพูดของโลกทั่วๆ ไป พระเป็นผู้มีศีล ต้องมีสัตย์ ถ้าขาดคำสัตย์ ศีลก็กลายเป็นสูญไปทันที ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในองค์พระ ฉะนั้นพระต้องรักษาสัตย์ศีล”
ท่านมาพักอยู่วัดเจดีย์หลวงราว ๖-๗ คืน มีคณะศรัทธาชาวเชียงใหม่ที่มีความเลื่อมใสในองค์ท่าน ได้พร้อมใจกันมาอาราธนานิมนต์ให้ท่านพักอยู่ที่นั้นนานๆ เพื่อโปรดเมตตาชาวเชียงใหม่ต่อไป แต่องค์ท่านรับนิมนต์ไม่ได้ ทำนองเดียวกับเทวดามาอาราธนา เพราะได้รับนิมนต์ก่อนหน้านี้เสียแล้ว
#ที่มา หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
ที่มา  FB : เพจ เกร็ดธรรมะ ประวัติ พระกรรมฐาน @Ayuthay

หลวงปู่เจี๊ยะ!ถามหลวงปู่มั่นเรื่องเทวดา ท่านจึงเมตตาเล่าเรื่อง“เทวดามาฟังธรรมที่ดอยมูเซอ และอารนาให้อยู่ประจำวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่” ให้ฟัง
ติดตามข่าวเพิ่มเติมที่ :ตามหากันจ้าละหวั่น! เมื่อหลวงปู่มั่นทำสิ่งล้ำค่าหายในป่า ออกอุบายธรรมให้ชาวเผ่ามูเซอร์ช่วยกันหา ในที่สุดก็มีคนพบอย่างน่าอัศจรรย์!
ข่าวโดย :  กิตติ จิตรพรหม ทีนิวส์  / สำนักพิมพ์ กรีนปัญญาญาณ/ ทีมข่าวปัญญาญาณ – ทีนิวส์