ต้องในป่าช้าเท่านั้น!! เรื่องจริงจากสมเด็จฯเกี่ยวเล่า ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ ไม่สติแตก!! ก็บรรลุธรรม!!

ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่www.tnews.co.th

ตำนานป่าช้ากับอสุภกรรมฐานวัดสระเกศ

เทศนาโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ)

"วัดสระเกศเป็นแดนอสุภกรรมฐาน ในยุคต้นรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) และพระสำคัญๆ ต้องมานั่งเจริญอสุภกรรมฐานที่วัดสระเกศกันทั้งนั้น เพราะมีป่าช้าใหญ่อยู่ที่นี่ อยู่ตรงประปา เรียกว่า “ศาลากรรมฐาน”

เมื่อก่อนไม่เจริญอย่างเดี่ยวนี้ คนตายต้องเอามาตั้งเป็นแถว ถ้ายังไม่เผาก็ตั้งรออยู่อย่างนั้น พระสวดบางทีก็ไม่มีหีบศพ พระที่มาสวดก็ไปนั่งใกล้ๆ ศพ พอเย็นๆ สัก ๔-๕ โมง พระที่ท่านต้องการพิจารณาอสุภกรรมฐานก็จะออกมา มาแล้วก็พิจารณาซากศพ ดูซากศพแล้วก็ไปพิจารณา

เขามีศาลาอยู่เรียกว่า “ศาลากรรมฐาน” สำหรับพระมาเจริญอสุภกรรมฐาน พอมาถึงก็ฉันน้ำร้อนน้ำชา มีคนจัดน้ำร้อนน้ำชาถวาย ฉันน้ำร้อนน้ำชาเสร็จแล้วก็ออกไปยืนเพ่งดูซากศพ ว่าเป็นลักษณะอย่างนี้ ๆ

เพ่งจนเกิดความรู้สึกประทับอยู่ในใจได้แล้ว ไม่ใช่ประทับใจแบบชอบใจไม่ชอบใจ แต่ประทับใจแบบจดจำจนติดตาได้แม่นแล้วก็กลับไป พอกลับไปแล้วก็เอาภาพนั้นไปพิจารณาที่วัด

อย่างพระที่สำคัญในยุคนั้น เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ก็มาพิจารณาอสุภกรรมฐานที่วัดสระเกศ เพราะเป็นวัดกรรมฐานที่สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ ...."

ต้องในป่าช้าเท่านั้น!! เรื่องจริงจากสมเด็จฯเกี่ยวเล่า ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ ไม่สติแตก!! ก็บรรลุธรรม!!

การพิจารณาอสุภกรรมฐานนั้น ถ้ามีซากศพเราก็เพ่งพิจารณาจนจำได้ เมื่อจำได้ติดตาแล้ว จากนั้นไม่ใช่จะอยู่ที่ซากศพแล้ว พอจำได้ติดตาแล้วก็เข้าไปที่กุฏิของเรา เอาภาพนั้นไปนั่งเพ่งพิจารณาระลึกถึง แล้วแต่ว่าจะเป็นศพชนิดไหน ศพที่เพิ่งตายใหม่ๆ เราก็ระลึกถึงศพนั้น จะว่าเป็นภาษาบาลีก็ได้ ไม่ว่าคำบาลีก็ได้ แล้วแต่จะชอบ พอว่าๆ ไป จิตนิ่งแล้ว ศพที่มันอยู่เฉยนี่ มันดิ้นได้ มันเกิดลุกขึ้นมานั่ง ที่จริงศพไม่มีหรอก เพียงแต่เวลาจิตสงบมันปรุงแต่งของมันเอง ศพก็ลุกขึ้นมานั่ง นั่งแล้วบางทีก็กางมือกางเท้าอะไรต่อมิอะไร แล้วแต่ว่าจะเห็นลักษณะไหนในเวลานั่น พระบางองค์ พอเห็นศพขึ้นมานั่งตกใจวิ่งเตลิดเลย กลายเป็นบ้าไปได้ ถ้าอาจารย์อยู่ใกล้ๆ ด้วย อาจารย์ก็จับมานั่งแล้วถามว่าเป็นไงๆ เห็นผี พระบอก อาจารย์ก็จะบอกว่า ไม่ใช่ผีหรอก อย่าไปนึกว่าเป็นผี เรามันตาฝาดไปเอง แล้วก็ค่อยๆ หายไป

เพราะฉะนั้น เวลาเจริญอสุภกรรมฐานจะต้องมีครูบาอาจารย์อยู่ด้วย อย่าทำคนเดียว ไม่เหมือนอานาปานสติ อนุสติ ๑๐ ทำคนเดียวได้ ถ้าอสุภกรรมฐานมันเกี่ยว กับซากศพทำคนเดียวไม่ได้

ต้องในป่าช้าเท่านั้น!! เรื่องจริงจากสมเด็จฯเกี่ยวเล่า ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ ไม่สติแตก!! ก็บรรลุธรรม!!

เมื่อก่อนบวชเป็นพระพรรษาแรกสองพรรษา ตรงนี้มีศพเป็นร้อยๆ ศพ พอตี ๕ พระก็ออกจากคณะต่าง ๆ ไปดูซากศพกัน แต่ไม่ใช่ทุกองค์นะ องค์ไหนชอบก็ไปดู เอาไฟฉายไปส่องดูเพราะไม่มีไฟฟ้าอย่างทุกวันนี้ ดูแล้วก็กลับมานั่งกรรมฐาน

แม้วันแรกๆ ที่บวชเป็นเณรก็เช่นกัน เกิดมีคนตาย ทีแรกเพราะความกลัวผี กลัวว่าจะนอนไม่หลับจึงหลับตาเดินตามพระเข้าไป ยืนอยู่พักหนึ่ง พอเผลอลืมตาขึ้นเท่านั้น เหมือนกล้องมีเลนซ์ดีถ่ายภาพติดหมดเลย เห็นตั้งแต่หัวถึงเท้า ติดจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ภาพนั้นยังติดตา แม้สำคัญจริง คล้ายๆ กับเป็นเลนซ์ที่ดีมากจึงติดตาทันที จะเจือด้วยความกลัวหรืออะไรก็ไม่ทราบ แต่ภาพนั้นปรากฏชัดเจน เห็นลักษณะว่าเป็นอย่างไร มีผ้านุ่งผ้าห่มอย่างไร พอนานเข้า จึงเป็นเหตุให้ชอบไปนั่งในป่าช้าที่ริมทะเล ในโอกาสต่อมา ตอนนั้น บวชเณรปีแรกอายุ ๑๒ จะย่างเข้า ๑๓ ปีเห็นจะได้

มีพระเคยวิกลจริตเพราะนั่งพิจารณาอสุภกรรมฐาน ท่านนั่งอยู่ในกุฏิ ไม่ทราบท่านพิจารณาอย่างไร นั่ง ๆ ไป กระโดดออกทางหน้าต่าง ไม่ได้ออกทางประตู แล้วอาจารย์ก็พามานั่ง ตอนเป็นเณร เมื่อพิจารณาได้แล้ว ไม่กลัวแต่กลายเป็นสนุกไป

ต้องในป่าช้าเท่านั้น!! เรื่องจริงจากสมเด็จฯเกี่ยวเล่า ฝึกกรรมฐานจากศพวัดสระเกศ ไม่สติแตก!! ก็บรรลุธรรม!!

ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาข้อมูล  คลังพระพุทธศาสนา