อานิสงส์ของการปล่อยสัตว์!! ประสบการณ์ตรงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หายจากความทรมานที่ผจญมานับปี ฉีดยาก็ยังไม่หาย สุดท้ายไป "ปล่อยปู" หายเป็นปลิดทิ้ง!!

www.tnews.co.th

ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า ไม่ว่าชีวิตนั้นจะเป็นชีวิตของคนหรือสัตว์ก็ตาม เพราะที่สุดแล้วเราและสัตว์ ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมเกิด ร่วมแก่ ร่วมเจ็บ ร่วมตายเหมือนกัน ไม่สามารถเอาอะไรมาวัดว่า ชีวิตฉันสำคัญกว่าชีวิตอื่นๆ โดยเฉพาะชีวิตสัตว์เล็กสัตว์น้อย "การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต" โดยไม่จำเป็น ฆ่าเล่นเพื่อความสนุกคึกคะนองจึงเป็นบาปอย่างมหันต์

เราจึงเชื่อว่าหากได้ปล่อยชีวิตสัตว์ หรือช่วยเหลือชีวิตคนที่ตกยาก จะช่วยตัดบาปตัดกรรม แก้กรรม บางอย่างให้ลดลงไปบ้าง

 

จึงขอประสบการณ์ตรงของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ  ซึ่งท่านมีประสบการณ์ตรงเรื่องการปล่อยสัตว์ ดังนี้

อานิสงส์ของการปล่อยสัตว์!! ประสบการณ์ตรงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หายจากความทรมานที่ผจญมานับปี ฉีดยาก็ยังไม่หาย สุดท้ายไป "ปล่อยปู" หายเป็นปลิดทิ้ง!!

“ไอ้เรื่องปล่อยสัตว์นี่ก็แปลก เมื่อปี 08 ฉันเป็นโรคอยู่อย่างหนึ่ง มันเมื่อยปวดทั้งตัว คือมันเกินเมื่อย ให้หมอฉีดยาก็แล้ว หมอให้ยากินก็แล้ว มันก็ไม่ได้ผล ก็เลยมากรุงเทพฯ แล้วเลยไปบางปู ไปถึงบางปูก็เจอคนขายปู 3 โหล

 

ก็นึกในใจว่า ไอ้ปูนี่กว่ามันจะตายก็ถูกมัดอยู่นาน มันก็เมื่อยเหมือนกับเราเหมือนกัน ปลาก็เคยปล่อยมาแล้ว แต่ปูนี่ยังไม่ได้ปล่อย ไอ้ปูมันถูกมัดเป็นวัน ๆ นี่มันเมื่อยเหมือนกันใช่ไหม มันทรมานมาก ส่วนปลาขังอยู่ในบริเวณแคบ แต่มันก็ยังมีน้ำให้ว่ายใช่ไหม ก็เลยคิดถึงตัวเอง ไอ้บาปเก่า ๆ เราคงจะไปมัดเขาไว้อย่างนี้เหมือนกัน ปล่อยมันเสียเถอะ ให้มันเป็นสุข ก็เลยเหมาหมด เหมาแล้วก็ช่วยกันปล่อย

อานิสงส์ของการปล่อยสัตว์!! ประสบการณ์ตรงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หายจากความทรมานที่ผจญมานับปี ฉีดยาก็ยังไม่หาย สุดท้ายไป "ปล่อยปู" หายเป็นปลิดทิ้ง!!

แต่ฉันไม่มีเจตนาต้องการให้หายปวดตัวนะ ไม่ใช่มาอีกคราวฉันก็ไปอีกก็เหมาอีก พอถึงสามคราวไอ้อาการปวดตัวมันหายเลย หายจริง ๆ รักษามาเกือบตายไม่หาย นี่ก็แปลกเหมือนกันนะ เป็นอันว่าเราปล่อยสัตว์ด้วยมีจิตเมตตา คิดจะช่วยให้รอดพ้นจากการถูกขังก็ดี เห็นว่ามันจะต้องตายก็ดี อันนี้เป็นของดี เป็นการช่วยชีวิตเขา และเราก็รอดพ้นจาก อุปมาตกรรมด้วย”

ดังนั้นการปล่อยสัตว์นั้นได้บุญได้กุศลจริง ทว่าเราจะต้องทำด้วยเจตนาดี ไม่ได้หวังการตอบแทน เช่นเดียวกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่หวังให้เจ้าปูพ้นความทรมาน แล้วผลบุญที่ท่านได้รับจึงเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น

เรื่องนี้ท่านว.วชิรเมธีได้กล่าวได้ว่า

“การทำบุญปล่อยชีวิตสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ เราจะต้องทำด้วยจิตมุ่งเป็นกุศลจริง ๆ หมายความว่าเราอยากจะช่วยเหลือเกื้อกูลสัตว์จริง ๆ แต่ ว่าถ้าเราเอาสัตว์มาปล่อย แล้วเราก็อธิษฐานว่า "สาธุ ขอให้การปล่อยนี้นะทำให้ฉันอายุยืนหน่อยเถอะ ขอให้ถูกเลขหน่อยเถอะ ขอให้หายซวยหน่อยเถอะ"

 

สิ่งนี้ถือว่าไม่เข้าเกณฑ์ เพราะว่าเจตนาไม่เป็นกุศลเจตนา เป็นกุศลก็หมายความว่า เราเห็นเขาตกทุกข์ได้ยาก แล้วต้องการจะช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ยากลำบาก โดยที่ไม่ได้ร้องผลตอบแทนอะไรเลย

เมื่อเจตนาเราเป็นกุศลมันจึงจะเป็น บุญ แต่ถ้าเรามีเจตนาเคลือบแฝง เช่นปล่อยเขาเพื่ออยากให้เราดีขึ้น เพื่ออยากให้เราหายทุกข์หายโศก หายซวย อย่างนี้มันไม่ใช่การทำบุญ แต่เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นการลงทุนทางจิตวิญญาณก็ได้เพราะเจตนาของเราจริง ๆ เราไม่ได้ต้องการช่วยเขาหรอกนะ ต้องการช่วยตัวเองต่างหาก แต่ยืมเขามาเป็นเครื่องมือ

 

ถ้า ท่านเมตตาจริง ๆ นะ ปล่อยให้นกอยู่บนฟ้า ปล่อยให้ปลาอยู่ในน้ำ นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ปล่อยให้สัตว์ได้อยู่อย่างสัตว์ นั่นแหละคือการปล่อยนกปล่อยปลาที่แท้จริง.

อานิสงส์ของการปล่อยสัตว์!! ประสบการณ์ตรงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หายจากความทรมานที่ผจญมานับปี ฉีดยาก็ยังไม่หาย สุดท้ายไป "ปล่อยปู" หายเป็นปลิดทิ้ง!!

เช่นนี้แล้วหากเมื่อใดที่เราต้องการทำบุญให้แก่สัตว์ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก ก็ขอให้คำนึงอยู่ 3 ประการดังนี้

1.เจตนาของเรา ท่านจะต้องนึกถึงความต้องการช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้นเป็นสำคัญไม่ใช่นึกถึงผลบุญที่ตัวเองจะได้รับ

2.ตรวจสอบที่มาของสัตว์ ต้องดูว่าสัตว์ที่ท่านปล่อยนั้น เป็นสัตว์ที่มีคนจับมา ให้ท่านปล่อยหรือเปล่า ตามที่ออกข่าวอยู่บ่อยครั้ง เช่น นกที่พ่อค้าแม่ขายจับเอามาขัง ผสมยาให้นกกิน เพื่อที่เมื่อปล่อยแล้วบินไม่ได้ไกล แล้วจึงจับมาให้ท่านปล่อยอีก เป็นต้น

3.สภาพแวดล้อม เมื่อท่านได้สัตว์มาแล้วใช่ว่าจะปล่อยที่ใดก็ได้ ขอให้ปล่อยตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ไม่ควรปล่อยปลา หรือเต่า ตามแม่น้ำลำคลองที่ไม่พร้อมต่อการดำรงชีพของสัตว์เหล่านั้น เพราะหากท่านปล่อยไป ชีวิตของมันย่อมถึงแก่ความตาย นั้นยิ่งจะเป็นการสร้างบาปกรรมเพิ่มขึ้นไปอีก