115 ปีกองทัพบก สมเด็จพระสังฆราช ประทานโอวาท ทหาร มีหน้าที่สำคัญยิ่งในการรักษาสันติภาพ ไม่ใช่แค่สู้รบในสมรภูมิ แต่สู้รบกับอุปสรรคของบ้านเมือง

เช้าวันศุกร์ ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปยังมณฑลทหารบกที่ ๑๑ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนามณฑลทหารบกที่ ๑๑ เป็นปีที่ ๑๑๕

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่ง ว่า

"ทหาร มีหน้าที่สำคัญยิ่งในการรักษาสันติภาพ มีหน้าที่พิทักษ์รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และอำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

หากทหารทำหน้าที่เหล่านั้นได้ครบถ้วน ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสบชัยชนะในการรบอยู่เสมอ บทบาทของทหารจึงอาจไม่ได้หมายถึงการเข้าไปสู่สมรภูมิอย่างเป็นทางการตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่อาจหมายถึงการสู้รบกับปัญหาและอุปสรรคที่กีดขวางความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมือง เปรียบประหนึ่งว่าท่านทั้งหลาย กำลังทำหน้าที่อยู่กลางภาคสนามตลอดเวลา

มีคำโคลงบทหนึ่ง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดหน่วยงานของท่าน ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้อย่างไพเราะพระราชทานแก่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ พระมหากษัตริย์ที่เอ่ยพระนามมา ล้วนเป็น 'มหาราช' ในทางการทหารทั้งสองพระองค์ อาตมภาพจึงขออัญเชิญมาเพื่อปรารภแก่ท่านทั้งหลาย ความว่า

​​​'ความรู้' คู่เปรียบด้วย​กำลัง กายเฮย
​​​'สุจริต' คือเกราะบัง ​​ สาตรพ้อง
​​​'ปัญญา' ประดุจดัง ​​อาวุธ
​​​กุม 'สติ' ต่างโล่ป้อง ​​อาจแกล้วกลางสนาม

ท่านทั้งหลายเป็นทหารไม่ว่าจะต้องออกสมรภูมิ หรือไม่ต้องออกสมรภูมิอย่างเป็นทางการ ล้วนมีหน้าที่ที่ต้องอบรมกาย วาจา และใจของตน ให้ถึงพร้อมด้วย 'ปัญญา' ความรู้ ต้องมีความ 'สุจริต' เป็นพื้นฐานของการกระทำทุกอย่าง และต้องมี 'สติ' ยั้งคิด คอยกำกับควบคุมมิให้เผลอไผลไปในทางที่ชั่วที่เสื่อมอยู่ตลอดเวลา

หากทหารทุกนายเป็นผู้มีปัญญาความรอบรู้ มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีสติสัมปชัญญะถึงพร้อม 'ชัยชนะของสังคมไทย' คือความวัฒนามั่นคงถาวร ก็ย่อมบังเกิดปรากฏอยู่ตราบกาลนาน"