ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

พระราหูในพระพุทธศาสนา บุพกรรมของพระราหู

 

 

รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!

           ในวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาได้เล่าเรื่องพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์ เกี่ยวกับบุพพกรรมที่ทั้งสามได้เคยสร้างร่วมกันมา จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวแห่งพระราหู พระอาทิตย์และพระจันทร์มาจนทุกวันนี้ เล่าครั้งหนึ่งว่าทั้งสามคือ พระอาทิตย์ พระจันทร์และพระราหูเกิดเป็นพี่น้องกันมีพระอาทิตย์เป็นพี่คนโต พระจันทร์เป็นคนรองพระราหูเป็นน้องเล็ก พระอาทิตย์และพระจันทร์นั้นนิสัยดีชอบทำบุญใส่บาตร เลือกเอาของดีถวายพระภิกษุสงฆ์เสมอๆ แต่พระราหูนั้นนิสัยออกเกเร เป็นนักเลง เจ้าโทสะ ไม่ค่อยประดิษฐ์ประดอยเหมือนพี่ๆเขา ครั้งหนึ่งพระอาทิตย์ชวนน้องทั้งสองใส่บาตร พระอาทิตย์เลือกใช้ขันทอง พระจันทร์เลือกใช้ขันเงิน แต่พระราหูนั้นเลือกเอากะลาเป็นขันใส่ข้าว รวมทั้งทัพพีตักข้าวด้วย

 

     ด้วยกรรมดังนี้พระอาทิตย์ตั้งจิตอธิษฐานให้ตนเองเกิดเป็นสุริยเทพผู้มีรัศมีสองแสงเป็นสีทองส่องสว่างแก่มนุษย์ยามกลางวัน พระจันทร์ตั้งจิตขอไปเกิดเป็นจันทราเทพผู้มีรัศมีเย็นตา ให้ความสว่างแก่มนุษย์ยามกลางคืน ส่วนพระราหูนั้นต้องการมีเดชอำนาจเหนือพี่ทั้งสองด้วยอำนาจจิตดังกล่าวเมื่อสิ้นใจไปแล้วทำให้เกิดเป็นเทพอสูรนามว่า พระราหู มีร่างกายดำทะมึนมีอำนาจสามารถดับความสว่างของพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ เมื่อใดที่พระราหูเจอพระอาทิตย์พระจันทร์เป็นต้องเข้าไปอมบ้าง ไปหนีบไว้ที่รักแร้บ้าง ซ่อนไว้ใต้คางบ้างเป็นเช่นนี้เสมอไป และลักษณะการบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ดังกล่าวนี้ ครูบาอาจารย์ชั้นต่อๆมาจึงนำมาวาดเป็นยันต์พระราหู หรือมาแกะลายพระราหูบังพระอาทิตย์ แต่ส่วนมากมักเลือกเอากิริยาที่พระราหูอมพระอาทิตย์พระจันทร์มากที่สุด

 

พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทรราหู

 

               มีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั้น พระราหูได้เคยเข้าจับพระอาทิตย์ บังเกิดเป็นสุริยคราส ครั้งนั้นเทพยดาทั้งหลายทูลขอให้พระพุทธองค์เข้าช่วยด้วยเป็นที่พึ่ง พระพุทธองค์ทรงกล่าวพระพุทธคาถาแก่พระราหู เมื่อพระราหูได้ฟังแล้วบังเกิดขนพองสยองเกล้ารีบคายพระอาทิตย์ออก เพราะศีรษะของตนดั่งว่าจะระเบิดออกมาเป็นเจ็ดเสี่ยง รีบกลับเข้าเมืองอสูรทันใด ไปเล่าให้เพื่อนอสูรของตนฟังว่า พระพุทธเจ้านี้มีฤทธิ์มากนักไม่อาจต้านทานฤทธานุภาพพระพุทธองค์ได้ ตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎก ดังนี้

สุริยสูตรที่ ๑๐
             [๒๔๖] ก็โดยสมัยนั้น สุริยเทวบุตร ถูกอสุรินทราหูเข้าจับแล้ว ครั้ง
นั้น สุริยเทวบุตร ระลึกถึงพระผู้มีพระภาค ได้กล่าวคาถานี้ในเวลานั้นว่า
                          ข้าแต่พระพุทธเจ้า ผู้แกล้วกล้า ขอความนอบน้อมจงมีแด่
                          พระองค์ พระองค์เป็นผู้หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง ข้า-
                          พระองค์ถึงเฉพาะแล้วซึ่งฐานะอันคับขัน ขอพระองค์จงเป็น
                          ที่พึ่งแห่งข้าพระองค์นั้น ฯ
             [๒๔๗] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงปรารภสุริยเทวบุตรได้ตรัสกะ-
*อสุรินทราหูด้วยพระคาถาว่า
                          สุริยเทวบุตร ถึงตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ ว่าเป็นที่พึง ดูกร
                          ราหู ท่านจงปล่อยสุริยะ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้
                          อนุเคราะห์แก่โลก สุริยะใดเป็นผู้ส่องแสง กระทำความสว่าง
                          ในที่มืดมิด มีสัณฐานเป็นวงกลม มีเดชสูง ดูกรราหู ท่าน
                          อย่ากลืนกินสุริยะนั้น ผู้เที่ยวไปในอากาศ ดูกรราหู ท่าน
                          จงปล่อยสุริยะ ผู้เป็นบุตรของเรา ฯ
             [๒๔๘] ลำดับนั้น อสุรินทราหู ปล่อยสุริยเทวบุตรแล้ว มีรูปอัน
กระหืดกระหอบ เข้าไปหาอสุรินทเวปจิตติถึงที่อยู่ ครั้นแล้วก็เป็นผู้เศร้าสลด เกิด
ขนพอง ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
             [๒๔๙] อสุรินทเวปจิตติ ได้กล่าวกะอสุรินทราหู ผู้ยืนอยู่ ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ด้วยคาถาว่า
                          ดูกรราหู ทำไมหนอ ท่านจึงกระหืดกระหอบ ปล่อยพระ-
                          สุริยะเสีย ทำไมหนอ ท่านจึงมีรูปเศร้าสลด มายืนกลัวอยู่ ฯ
             [๒๕๐] อสุรินทราหู กล่าวว่า
                          ข้าพเจ้าถูกขับด้วยคาถาของพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพเจ้าไม่พึง
                          ปล่อยพระสุริยะ ศีรษะของข้าพเจ้าพึงแตกเจ็ดเสี่ยง มีชีวิต
                          อยู่ ก็ไม่พึงได้รับความสุข ฯ
จบ วรรคที่ ๑

รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!

           

ครั้นใกล้เวลาที่อสุรินทราหูเข้าเฝ้า พระผู้มีพระภาคก็เสด็จบรรทมในพระแท่นที่ประทับ ทรงทำปาฏิหาริย์นิรมิตพระกายให้ใหญ่กว่าอสุรินทราหูหลายเท่า พระรูปนี้จะปรากฏเฉพาะแต่อสุรินทราหูเห็นผู้เดียวเท่านั้น ครั้นอสุรินทราหูเข้าไปเฝ้า เห็นเข้าก็อัศจรรย์ใจมาก แม้แต่เพียงพระบาททั้ง ๒ ข้างที่ซ้อนกันอยู่ ก็ยังสูงและใหญ่กว่าอสุรินทราหูเสียอีก เมื่ออสุรินทราหูเข้าใกล้ได้ถวายอภิวาท แทนที่จะต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้าดังที่คิดแต่แรกมากลับต้องแหงนหน้าชมพระพุทธลักษณะอันงดงาม ตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงพระพักตร์ ปรากฏว่าเป็นที่พอใจได้ความปลาบปลื้มที่ได้ชมพระรูปพระโฉมของพระพุทธเจ้าทั้งใหญ่ทั้งงามสมส่วนทุกประการ ก็กราบทูลสรรเสริญ

 

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงรับสั่งปฏิสันถารให้ความชื่นบานแก่อสุรินทราหูยิ่งขึ้น แล้วตรัสว่า อสุรินทราหู! บุคคลทั้งหลายเมื่อได้ทราบข่าวเล่าลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ หากยังไม่ได้เห็น, ยังไม่พิจารณาให้ถ่องแท้แก่ใจตนแล้ว ไม่พึงติชมก่อน อสุรินทราหู, ท่านคงเข้าใจว่า ท่านมีร่างกายใหญ่กว่าเทพยดาและอสูรทั้งหลาย จริงอยู่บรรดาพวกอสูรทั้งหลายในอสูรพิภพนั้นมีร่างกายเล็กกว่าท่าน แต่ท่านคิดหรือเปล่าว่าในที่อื่นอาจมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่กว่าท่าน เหมือนปลาใหญ่ในหนองคลองบึง มันอาจคิดว่าตัวมันโตกว่าปลาทั้งหลาย ไม่มีปลาตัวใดจะเสมอได้ เพราะมันยังไม่ได้ไปเห็นปลาในมหาสมุทร อสุรินทราหู! แม้ท่านเองก็ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น

 

อสุรินทราหู, บรรดาพรหมทั้งหลายในพรหมโลกชั้นบนทั้งหมดล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าท่าน ถ้าท่านมีความปรารถนาจะได้ดู, ได้ชม, พรหมเหล่านั้น ตถาคตรับรองว่าจะพาท่านไปดู ไปชมได้แม้ในขณะนี้ ครั้นอสุรินทราหูทูลขอประทานพระกรุณาให้พาไปชมพรหมทั้งหลายในพรหมโลก พระผู้มีพระภาคได้ทรงทำปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูไปยังพรหมโลกในทันใดนั้น

 

เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จขึ้นปรากฏพระกายในพรหมโลก บรรดามหาพรหมทั้งหลาย ก็พากันมาเฝ้าเป็นอันมาก บรรดามหาพรหมที่พากันมาเฝ้าเหล่านั้น ล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าอสุรินทราหูตั้งร้อยเท่าพันเท่า แต่พระผู้มีพระภาคกลับมีพระกายปรากฏว่าใหญ่กว่ามหาพรหมเหล่านั้นทั้งหมด ส่วนอสุรินทราหูคงมีร่างกายเท่าเดิม มีความหวาดกลัวตัวสั่นเทา หลบอยู่เบื้องหลังพระผู้มีพระภาค ปรากฏเหมือนแมงมุมเกาะอยู่ที่ชายจีวรพระผู้มีพระภาคฉะนั้น

 

ท้าวมหาพรหมได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาพาเอาตัวอะไรขึ้นมาด้วยพระเจ้าข้า, พระศาสดาตรัสตอบว่า ผู้นี้คืออสุรินทราหู, เขาถือตัวว่าตัวมีร่างกายใหญ่ อยากจะเห็นผู้มีร่างกายใหญ่กว่า โดยคิดว่าในสกลโลกนี้ยังจะมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่เท่าเขาอยู่บ้างหรือ ตถาคตจึงพาขึ้นมา ให้อสุรินทราหูได้เห็นประจักษ์ด้วยนัยน์ตาตนเอง

 

ท้าวมหาพรหมได้กราบทูล เป็นอย่างนั้นแหละพระเจ้าข้า, วิสัยคนที่มานะอันกระด้าง ย่อมถือตัวยกตนข่อผู้อื่น เหมือนคนทุคคตะเข็ญใจได้ทรัพย์เพียงบาทหนึ่ง ก็ถือตัวว่าเป็นคนมีทรัพย์ หรือเหมือนคนพาลมีความรู้น้อยก็ทนงตนว่าเป็นปราชญ์

 

ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จประทับอยู่ในพรหมโลกพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ตรัสอำลาท้าวมหาพรหม พาอสุรินทราหูกลับลงมายังพระเชตวันวิหาร ทรงทรมานให้อสุรินทราหูลดมานะทิฏฐิอันกระด้างลงได้ กลับมีใจเลื่อมใสในพระศาสดา ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสรณะ แล้วกราบทูลลากลับไปยังพิภพของตน.

  รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!

 

               ในครั้งนั้นพระพุทธองค์ยังได้กล่าวถึงบุพกรรมแต่หนหลังของพระราหูว่า เคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งการบำเพ็ญบารมีของพระราหูทุกภพชาติที่ผ่านมานั้นก็เพื่อพระโพธิญาณนี้และจะสำเร็จแน่นอนในอนาคตกาล พระราหูจะสำเร็จเป็นพระโพธิญาณ หรือ บรรลุเป็นอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้พระราหูปลาบปลื้ม พระราหูมีความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ยิ่งๆขึ้น และตั้งใจบำเพ็ญเพียรทางพระโพธิญาณให้มากยิ่งๆขึ้น ทั้งพระไตรปิฎกล่าวว่า พระราหูจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านามว่า พระนารทพุทธเจ้า นับเป็นองค์ที่ห้าถัดจากพระศรีอารยเมตไตรพุทธเจ้า จากคติดังกล่าวนี้จึงถือว่าพระราหูนั้นมีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์ และเป็นหน่อเนื้อพระพุทธางกูรแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้ของชาวพุทธเรา การกราบไหว้พระโพธิสัตว์นันเป็นคตินิยมอยู่แล้วของมหายาน แต่ฝ่ายหินยานหรือในบ้านเรานั่นรู้จัดเรื่องพระโพธิสัตว์น้อย พระโพธิสัตว์นั้นบางครั้งมีรูปกายสวยงาม บางครั้งในรูปกายน่ากลัว และสามารถบังเกิดในภพภูมิใดก็ได้ อย่างพระราหูเป็นพระโพธิสัตว์ที่รูปกายน่ากลัว และเป็นพระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นในแดนอสูร ทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา ให้พรคนดี ย่ำยีคนชั่ว บำเพ็ญบารมีสร้างภพชาติเพื่อสืบพระพุทธวงศ์มิให้สิ้นสูญ โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันเป็นมหาบารมีมหาปณิธานอันยิ่งใหญ่ สมควรที่จะได้รับการกราบไหว้บูชาเช่นเทพยเจ้าองค์อื่นๆ

รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!

 

 

              นอกจานนี้หลายท่านคงไม่เคยทราบว่าคำกล่าวขึ้นต้นก่อนสวดมนต์บทใดๆ ก็ตาม คือ นะโมตัสสะ นั้นเป็นคำกล่าวนอบน้อมพระพุทธเจ้าที่เทพยดาหลายพระองค์ร่วมกันแต่งขึ้น จนกลายเป็นประโยค “นะโม ตัสสะ” ที่เราสวดกัน ในบทดังกล่าวพระราหูเป็นบุคคลสำคัญที่ร่วมรจนาบทคาถา “นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหัตโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” โดย คำว่า

 

“นะโม”        ผู้กล่าวคือ พญายักษ์สันตาคีรี

 

“ตัสสะ”        ผู้กล่าวคือ องค์สุรินราหู

 

“ภะคะวะโต”    ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาราชทั้งสี่ ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์ และท้าวเวสสุวัณ

 

“อะระหัตโต”     ผู้กล่าวคือ พระอินทร์ เป็นคำนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

“สัมมาสัมพุทธะสะ”    ผู้กล่าวคือ ท้าวมหาพรหมสหัมปติ

            ทั้งหมดนี้ทวยเทพทั้งหลายทั้งหลายทั้งยักษ์ และเทวดาต่างกล่าวนอบน้อมพระพุทธองค์ในวันแรกที่ตรัสรู้ได้อนุตรธรรมคือพระนิพพนานธรรม ดังจะเห็นได้ว่าในบรรดาผู้กล่าวคำกล่าวนอบน้อมนั้นมีอสุรินทร์ราหูร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีพญายักษ์ ที่ชื่อสาตาคิรีอีกหนึ่ง และท้าวเวสสุวัณผู้เป็นจอมยักษ์อีกหนึ่ง ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วทรงบุญญาธิการทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ ของผู้เขียนกล่าวผู้ที่ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยดีแล้ว และเคารพในคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเทพเทวดาทั้งหลายเป็นอาทิหากทำการท่องคำว่า “นะโมตัสสะ” ด้วยความเคารพศรัทธาก็สวามารถกันภูตผีปีศาจได้ เพราะเป็นคำกล่าวของพระราหู มีบารมีธรรมแห่งพระรากูอยู่ ภูติผีปีศาจทั้งหลายย่อมเกรงกลัวพระราหูฉันใดผู้ทีมีความเคารพพระราหูย่อมได้บารมีข้อนี้ตามไปด้วย นอกจากนี้นะโมที่เราสวดนั้นยังมีเทพเทวาอีกหลายพระองค์จึงเป็นคำกล่าวที่ศักดิ์สิทธิ์มาก การท่องทุกครั้งหากได้ระลึกถึงเทพเทวาทั้งหลายนี้แล้วย่อมเป็นสิริมงคลสูงสุด

 

รับดาวราหูจร!! เจาะตำนาน "พระราหู" ในพุทธศาสนา นับเป็นองค์"พระโพธิสัตว์" ได้รับการพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต!!!

พระโพธิสัตว์ราหูเทพอสุรินทร์

             ในบรรดาเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 องค์นั้นมีเพียงพระราหูพระองค์เดียวเท่านั้นที่เป็นพระโพธิสัตว์และได้รับรับการพยากรณ์แล้ว แม้พระอาทิตย์และพระจันทร์ผู้มีบุญญาธิการอันสูงส่ง ก็มิได้เป็นพระบรมโพธิสัตว์ เช่น พระราหูและยังไปปรากฏเป็นคำพุทธพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นจะมีเพียงอสูรเทพพระราหูเท่านั้นที่มีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์และได้รับพุทธพยากรณ์จากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน พระบารมีแห่งเทพอสุรินทร์ราหูจึงมีอยู่มากมายมหาศาลบุคคลผู้ที่จะได้รับพุทธพยากรณ์เช่นพระราหูนั้น ถือว่าได้บำเพ็ญบารมีเข้าสู่เส้นชัยแล้ว หมายความว่า บารมีที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลเบื้องหน้านั้นสำเร็จอย่างแน่นอน แสดงว่าบุญบารมีของพระราหูสามารถโปรดผู้ตกทุกข์ได้ยากให้ได้ดีมีสุข พ้นทุกข์พ้นภัย ด้วยอาศัยบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ญาณที่พระราหูได้บำเพ็ญเพียรมานับชาติไม่ถ้วน

 

             การนับถือจึงมิได้หมายความว่าเรากำลังบูชาภูตผีปีศาจแต่อย่างใด แต่เรากำลังบูชาพระโพธิสัตว์ในรูปกายแห่งเทพอสูร อันเป็นคติสอนให้พิจารณาว่า อย่ามองที่รูปกายภายนอก แม้ว่ารูปกายแห่งพระราหูจะดูดุดันน่ากลัว แต่คุณธรรมภายในนั้นกลับตรงข้าม พระราหูเป็นเทพอสูรที่บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุพระโพธิญาณมานับชาติไม่ถ้วน ภายในจิตใจนั้นมีแต่ความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ สิ่งเลวร้ายในชีวิตมนุษย์นั้นไซร์ย่อมเกิดจากผลกรรมเก่าและใหม่ที่ตนก่อไว้ เมื่อถึงเวลา กรรมนั้นย่อมเป็นไปตามกลไกของมัน พระราหูเทพอสุรินทร์เป็นเทพยเจ้าผู้เป็นพยานแห่งการกระทำกรรมของมนุษย์ หาได้ให้ร้ายต่อใครไม่

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.puttha.com
อ.อันติกา  http://www.promdeva.com/HoraItemDetail.asp?ItemID=197

เฟซบุ้คแฟนเพจ อ. อันติกา : Master Antiga

และ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)