- 26 ก.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระราชทรัพย์ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงเปลี่ยนแปลง “วังสวนจิตร” พระตำหนักกลางทุ่งส้มป่อย ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงสร้างไว้ ให้กลายเป็นแปลงนาสาธิต โรงเลี้ยงโคนม โรงสีข้าว ฯลฯ ซึ่งไม่น่าจะอยู่ในพระราชวังของพระมหากษัตริย์ แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่ในหลวงได้ทรงศึกษาปัญหาพื้นฐานของประชาชนชาวไทย และพบว่าปัญหาส่วนใหญ่คือปัญหาปากท้อง แหล่งอาหารมีไม่เพียงพอ จึงได้ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการเกี่ยวกับการเกษตรสวนจิตรลดาขึ้นในพื้นที่พระราชวังดุสิต
พระราชวังของในหลวงจึงได้กลายเป็นสถานที่ทดลองพันธุ์ข้าว ทรงหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยพระองค์เอง และจัดตั้งโรงสีข้าวทดลอง เมื่อบรรลุผลแล้ว จึงได้พระราชทานผลที่ได้รับจากการทดลองให้เกษตรกรนำไปใช้ต่อยอดต่อไป นาข้าวในวังสวนจิตรในวันนั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่าในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ "ข้าว" ซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่โบราณ และขณะเดียวกันพระองค์เองก็ทรงโปรดเสวย "ข้าว" โปรดเสวยอาหารไทยที่ต้องรับประทานกับ "ข้าว" แม้ว่าในช่วงหนึ่งของพระชนม์ชีพจะประทับอยู่ในต่างแดนเป็นเวลายาวนานก็ตาม
และเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับข้าวกล้องไว้ว่า ดีต่อสุขภาพ ซึ่งท่านทรงเสวยข้าวกล้องเป็นพระกระยาหารหลัก โดยพระองค์ตรัสว่า
"ข้าวซ้อมมือหรือข้าวกล้อง เรากินทุกวัน เพราะว่ามีประโยชน์ ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวนี้เอาของดีออกไปหมด ข้าวกล้องนี้ดี คนบอกว่ากินข้าวกล้องต้องเป็นคนจน เราก็เป็นคนจน"
ทั้งนี้ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เล่าถึงในหลวงกับข้าวไว้ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีวิถีชีวิตของพระองค์ที่เรียบง่ายที่สุด ผมเคยถามพระองค์ว่าทรงโปรดเสวยอะไร พระองค์ท่านบอกคำเดียวว่า ข้าว” ในหลวงทรงเสวยข้าวกล้องเป็นพระกระยาหารหลักอีกด้วย
นอกจากนี้พระองค์ยังเคยมีกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับข้าวและชาวนา เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ว่า "ข้าวต้องปลูก เพราะอีก ๒๐ ปี ประชากรอาจจะ ๘๐ ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูก "
อ้างอิงจาก : www.chiangmaicitylife
ขอบคุณภาพและคลิปจาก : http://welovethaiking.com
กรมประชาสัมพันธ์