ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ! เผยประวัติยอดเกจิ 4 รูปแห่งยุค! ผู้อธิษฐานจิตร่วม พระสังฆราช “หล่อเหรียญหลวงพ่อโสธร” ลงอักษรพระนาม ออป

เช้าวันพุธ ที่ 2สิงหาคม 2560 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออก ณ ไพทีหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเททองหล่อเหรียญหลวงพ่อโสธร รุ่นร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ 60 ซึ่งคณะกรรมการฝ่ายรณรงค์หาทุน มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดสร้าง เพื่อนำรายได้จากการบริจาคบูชา สมทบทุนมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์

 

การสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธรรุ่นดังกล่าวนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ทรงจารอักขระบนแผ่นทองเป็นชนวนปฐมฤกษ์ พร้อมประทานพระอนุญาตให้เชิญอักษรพระนาม ออป ประดิษฐานบนหลังเหรียญ

 

ในพิธีนี้ สมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นประธานเททองหล่อพระกริ่งพระพุทธโสธรเนื้อทองคำ เงิน นวะ ทองแดง นำฤกษ์ เท่านั้นยังไม่พอพระสงฆ์ 9 รูปได้เจริญชัยมงคลคาถาตลอดเวลาที่สมเด็จพระสังฆราชเททอง และโปรยข้าวตอกดอกไม้และประพรมน้ำพุทธมนต์

โดยพระเกจิอาจารย์ทั้ง 4 รูป ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตด้วยกัน ดังต่อไปนี้

 

1.พระนันทวิริยาภรณ์ ( หลวงพ่ออ่าง สิริจนฺโท ) วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จังหวัดนนทบุรี

อาจารย์อ่าง สิริจนฺโท นามนี้เป็นที่รู้จักกันในจังหวัดนนทบุรีโดยเฉพาะย่านเกาะเกร็ดแถววัดเกาะศาลากุนพระอาจารย์อ่างท่านเป็นพระเกจิผู้คงแก่เรียนเป็นผู้มากอาคมและยังเป็นศูนย์รวมตำราสรรพวิชาต่างๆในสายเกจิจังหวัดนนทบุรีไว้มากที่สุดอีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนาช่วยเหลือสังคมงานบุญบริจาดต่างๆท่านทำมาโดยตลอด จึงนับว่าเป็นเกจิอาจารย์ในยุดปัจจุบันที่มีความเมตตาก่อประโยชน์อย่างสูงแก่ชุมชนละแวกนั้นๆ  ผู้คนเคารพรักและศรัทธาท่านเหตุเพียงเพราะท่านไม่ถือตัวและเป็นกันเองกับลูกศิษย์ทุกคนเท่าเทียมกันหลวงพ่ออ่างท่านศึกษาอักขรเลขยันต์กับหลวงพ่อกุหลาบตั้งแต่ยังไม่ได้บวชหลังจากที่ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุอยู่นั้น หลวงพ่อกุหลาบท่านเมตตาอาจารย์อ่างเป็นอย่างมากสอนทุกอย่างประสิทธิประศาสตร์วิชาที่มีอยู่ให้อาจารย์อ่างแทบหมดสินรวมทั้งมอบตำราสำคัญๆให้อาจารย์อ่างเก็บรักษาสืบต่อไป ตำราที่หลวงพ่อกุหลาบมอบให้กับอาจารย์อ่าง ก็จะมีตำราการทำผงพุทธคุณ ตะกรุด และยันต์ต่างๆของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ซึ้งหลวงพ่อกุหลาบได้รับมอบมาจากหลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง เมื่อวันที่27 ตุลาคม พ.ศ.2489 ถัดมาอีกปีหลวงปู่กลิ่นท่านก็ละสังหาร และ ตำราอีกเล่มที่มีความสำคัญมากคือตำราปลุกเสกหนุมานของหลวงพ่อสุ่น วัดเกาะศาลากุน ที่หลวงพ่อกุหลาบได้ไปร่ำเรียนมา และตำราอื่นๆอีกเช่น ตำราหลวงพ่อต่วน วัดระหาร ตำราหลวงพ่อช่วง วัดบางแพรกใต้ ฯลฯ คงจะมองเห็นภาพกันบ้างแล้วว่าหลวงพ่อกุหลาบท่านก็เป็นศิษย์ที่มีครูดีองค์หนึ่งหลวงพ่อกุหลาบท่านเป็นศิษย์สมเด็จพระพุฒาจารย์นวมวัดอนงคาราม กทม."พระปรกใบมะขามวัดอนงค์ที่เราเห็นมีจารย์ลายมือนั้นเป็นรอยจารย์ของหลวงพ่อกุหลาบ อาจารย์อ่างท่านได้ออกเดินทางไปอยู่กับอาจารย์กราน วัดห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ด้วยความหวังที่่ว่าจะเดินทางไปศึกษาพุทธคมกับเกจิภาคตะวันออกอย่างเช่นหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จนได้เจอกับหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านอาจารย์อ่างเรียนวิชาการทำปลัดขริกและเลขยันต์อยู่สามวันเต็มมิได้เป็นการเรียนทั้งหมดเพียงแต่เป็นการไปศึกษาเพื่มเต็มตามคำชี้แนะของอาจารย์รอด ดาบยาวอาจารย์ฆราวาสผู้เป็นศิษย์เอกหลวงพ่อสุ่นวัดเกาะศาลากุน จ.นนทบุรี จากนั้นก็ไปกราบท่านพ่อคงแห่งวัดวังสรรพฬสเรียนเลขยันต์อยู่สามถึงสี่วันเช่นกันจึงลากลับวัดใหญ่สว่างอารมณ์เนื่องจากเห็นว่ามานานแล้วอีกทั้งยังได้ไปเรียนกับหลวงปู่เหรียญวัดบางระหงษ์อีก3ปี อาจารย์อ่างท่านชอบศึกษาวิชาอาคมหลังจากกลับมาวัดใหญ่ท่านก็จะเดินทางแบบเช้าไปเย็นกลับเพื่อไปเรียนกับหลวงพ่อหน่ายวัดบ้านแจ้ง อยุธยา และอาจารย์อ่างท่านยังเป็นศิษย์รักของหลวงพ่อพระมหาโพธิ์ วัดคลองมอฌและหลวงพ่อเชื้อวัดใหม่บำเพ็ญบุญ จ.ชัยนาถ เรื่องการทำมีดหมอสายมะขามเฒ่าก็ต้องถือว่าสององค์นี้แหละที่หาตัวจับยากจึง จะเห็นได้ว่าหลวงพ่ออ่างท่านศึกษาพุทธคมมาอย่างโชคโชน อาจารย์อ่างท่านเห็นว่าวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาส่วนมากจะคล้ายๆกัน ท่านจึงไม่ได้ไปศึกษาต่อที่ไหนอีก ท่านจึงกลับมาศึกษาด้านปริยัติธรรมได้ที่ ปธ.3

 

2.พระครูปฐมวราจารย์ ( หลวงพ่ออวยพร ฐิติญาโณ ) วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม

พระสงฆ์รูปนี้ ก็คือ “พระครูสมุห์อวยพร ฐิติญาโณ” หรือที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า “หลวงพ่อพระครูอวยพร” หรือ “หลวงพ่ออวยพร” ซึ่งปัจจุบันท่านได้รับแต่งตั้งเป็น “พระครูสังฆรักษ์อวยพร” พร้อมทั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม ที่ผู้คนทั้งในนครปฐมและใกล้ไกลต่างให้ความเคารพนับถือใน “วัตรปฏิบัติ” ที่แทบจะไม่แตกต่างจากหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม ผู้เป็น “อาจารย์” ของท่านเลย ชื่อเสียงของหลวงพ่ออวยพรจึงขจรขจาย แผ่ไปไกลมีลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศ และลูกศิษย์คนไทยในต่างประเทศที่ได้นิมนต์ท่านไปโปรดญาติโยมในต่างแดนหลายต่อหลายครั้ง และรวมทั้งชาวต่างชาติอย่าง “มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง และบรูไน” ที่แม้จะเป็นคน “ต่างชาติต่างภาษา” แต่ก็เดินทางมาให้ท่านสงเคราะห์ช่วยเหลือปัดเป่าความทุกข์กายทุกข์ใจ รวมทั้งการ “อาบน้ำมนต์” พร้อมขอ “วัตถุมงคล” ไปคุ้มครองป้องกันตัว แม้กระทั่งการนำรถยนต์ไปให้ท่านเจิมเสริมความเป็นสิริมงคลถึงวัดก็มีแทบจะทุกวันเลยทีเดียว

หลวงพ่ออวยพร จึงเป็นศิษย์ผู้สืบสายพุทธาคมของหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อแช่ม ที่เป็นที่รู้จักและเคารพนับถือของศิษยานุศิษย์ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มากด้วยบารมีอีกรูปหนึ่งของเมืองนครปฐมในปัจจุบัน

3.พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ ( หลวงพ่ออิฏฐ์ ภทฺทจาโร ) วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม

 ในปีพ.ศ.2521 พระอาจารย์อิฐ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษา วัดจุฬามณี ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากด้านปริยัติแล้ว พระอาจารย์อิฐ ยังให้ความสนใจวิชาอาคมต่างๆ ซึ่งท่านได้ไปศึกษากับหลวงพ่อต่างๆอีกหลายองค์ นอกจากหลวงพ่อเนื่อง แล้วก็มีเช่น หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ เป็นต้น

 

หลังจากที่หลวงพ่อเนื่อง ได้มรณภาพลง พระอาจารย์อิฐ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดจุฬามณี ซึ่งท่านก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถพัฒนาสร้างถาวรวัตถุต่างๆมากมายไม่แพ้ สมัยของหลวงพ่อเนื่อง พระอาจารย์อิฏฐ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิรุ่นใหม่ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า ในแนวหน้า เช่นเดียวกับ พระอาจารย์ชำนาญ วัดกุฏีทอง ครูบาบุญชุ่ม พระอาจารย์ติ้ว เป็นต้น ดังนั้นท่านมักจะได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกพระให้กับวัดต่างๆมากมาย

 

4.พระครูพิจิตรสรคุณ ( หลวงพ่อพร ปภากโร ) วัดบางแก้ว จังหวัดนครปฐม

 ชื่อเสียงของ พระครูพิจิตรสรคุณ (พร ปภากโร) แห่งวัดบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ในฐานะพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและพุทธาคมแกร่งกล้าไม่เป็นรองใคร ปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่นล้วนศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง เป็นที่แสวงหาของผู้ศรัทธาและนักสะสมวัดบางแก้ว สันนิษฐานว่าสร้างแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ทำให้ชำรุดทรุดโทรมอุดมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้ารกรุงรัง พระอุโบสถหลังเก่าทรุดเอียงและปูนแตกร้าวจนเห็นก้อนอิฐขนาดใหญ่ด้านใน เคยมีเจ้าอาวาสครองวัดมาหลายรูป เท่าที่สืบค้นประวัติได้มีดังนี้ หลวงปู่ศุข หลวงปู่กลิ่น หลวงพ่อพัฒน์ หลวงพ่อจอน หลวงพ่อจันทร์ หลวงพ่อเก่า และหลวงพ่อปุ่น และสุดท้ายคณะสงฆ์เห็นควรให้ พระครูพิจิตรสรคุณ (พร ปภากโร) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสถึงปัจจุบันนี้

ซึ่งภิกษุพรก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มุ่งมั่นพัฒนาวัดบางแก้วอย่างต่อเนื่องเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ จนได้รับสมณศักดิ์ที่ “พระครูพิจิตรสรคุณ”

 

อนึ่ง ผู้ประสงค์จะบริจาคบูชาเหรียญนี้ โปรดติดต่อสอบถามรายละเอียดที่มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยตรง

 

 

ที่มา : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช และ Suttipong Juljarern