ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ขรัวตาวัดนี้มีอะไรดี!! เปิดตำนาน..อภินิหารหลวงปู่ศุข "เสกกะลาครอบช้าง" ดัดสันดานพวกเลี้ยงช้าง..ที่มาถากศาลาวัดด้วยวิชาอาคม !!

               หลวงปู่ศุขแสดงอภินิหารให้บรรดาชาวบ้านและศานุศิษย์เห็นประจักษ์ ท่านเป็นผู่ที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้า ทั้งนี้ท่ายังเป็นพระอาจารย์ เป็นที่เคารพนับถือของ เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์อีกด้วย เรื่องเล่าถึงวิชาอาคมของหลวงปู่ศุขนั้น กล่าวว่า 

               ครั้งหนึ่งเมื่อเดือนยี่ เป็นปีที่หลวงพ่อศุขไม่ได้ออกเดินธุดงค์เหมือนปีก่อนๆ ในปีนี้เองหลวงพ่อท่านกำลังบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามของท่านเป็นการใหญ่ ในครั้งนั้นได้มีผู้ศรัทธาบริจากทรัพย์สินเงินทองช่วย ให้หลวงพ่อทำการทำนุบำรุง ก่อสร้างโบสถ์ วิหาร ศษสลาการเปรียญจนเสร็จสิ้น นับว่าวัดปากคองมาขามเฒ่ามี ความเจริญขึ้นมาก ได้มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาตามหัวเมืองต่างๆ ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์ และฆราวาส ตลอดจนเจ้านายเชื่อพระวงศ์ได้มาเยี่ยมเยียนท่าน พระครูวิมลคุณากร หลวงพ่อศุขเป็นอันมาก ในเวลานั้นชื่อเสียงของหลวงพ่อแผ่กระจายไปทั่วศานุทิศ เชื่อมั่นเลื่อมใสในอภินิหารของท่านอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสด็จในกรม หลวงชุมพร ๆ เจ้านายเชื้อพระวงศ์องค์นี้มาเยี่ยมพระอาจารย์อยู่เสมอ บางครั้งมีเวลา ว่างก็พักแรมอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อ ๒-๓ วัน แล้วก็กลับ บางครั้งหลวงพ่อมีเวลาว่างก็ไปหา เสด็จในกรมฯ พักอยู่ในวังหลายๆวันเหมือนกัน
 

ขรัวตาวัดนี้มีอะไรดี!! เปิดตำนาน..อภินิหารหลวงปู่ศุข "เสกกะลาครอบช้าง" ดัดสันดานพวกเลี้ยงช้าง..ที่มาถากศาลาวัดด้วยวิชาอาคม !!

                 เวลานั้นท่านได้ประกอบพิธีปลุกเสกเลขยันต์ตระกรุดโทน พระเครื่อง ผ้าประเจียดไว้เป็นจำนวนมาก แล้วแจกจ่ายให้บรรดาศานุศิษย์และญาติโยม ผู้ที่มีความ เลื่อมใสศรัทธาโดยทั่วถึงกัน ในเดือนยี่ปีนั้นเองเป็นหน้าแล้ง ได้มีชาวหนือทางอุตรดิตถ์ เดินทางมาค้าขาย โดยมีช้างเป็นพาหนะราว ๘-๙ เชือก การค้าขายนั้นจะค้าขายอะไร ฟังไม่ชัด ในสมัยนั้นทางคมนาคมไม่สะดวก การเดินทางมีแต่ป่าดงพงทึบ เดินทางจาก อุตรดิตถ์ ผ่านสุโขทัย กำแพงเพชร์ นครสวรรค์ อุทัยธานี จนถึงจังหวัดชัยนาท ชาวเหนือ ที่มานั้นมีประมาณ ๑๕ คน ได้พากันมาพักแรมอยู่ที่ใต้ถุนศาลาวัดปากคลองมะขามเฒ่า วัดหลวงพ่อศุขนี้เอง ไปปล่อยช้างกินหญ้ากินใบไผ่อยู่ตามบริเวณวัด ๒-๓ วัน ช้าง ๘-๙ เชือกของชาวเหนือ 

                 ทำให้บางครั้งไปเหยียบย่ำของหลวงพ่อที่ปลูกไว้บ้างเช่น ต้นดอกไม้ ต้นกล้วย ผัก พริก มะเขือ เอางวงดึงใบกล้วยกินบ้างจนแหลกลาญหมด หลวงพ่อมิได้พูดว่าแต่ประการใด บรรดาชาวบ้านต่างก็พาลูกเล็กเด็กแดงมายืนดูช้างอยู่ในวัดเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีช้างสีดอ ช้างพัง ช้างพลาย และลูกช้า ๒-๓ เชือก เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. พวกเลี้ยงช้าง ที่มานั้นต่างก็พากันหุงข้าวปลาอาหารอยู่ที่ใต้ถุนศาลา รุ่งขึ้นว่าจะมากันเดินลงไปทางใต้ คือ ผ่านจังหวัดสิงห์บุรี ในขณะที่กำลังหุงข้าวกันอยู่นั้นได้มีผู้คนในย่านนั้นเองมามุงดู ชาวเหนือกำลังนึ่งข้าวเหนียวอยู่นั่งกันเป็นกลุ่มพูดภาษาพื้นเมืองของเขาอย่างเจี๊ยว จ๊าว

                 พากันบ่นว่ากับข้าวไม่พอกันกิน อีกคนหนึ่งพูดว่าจะไปยากอะไรนกพิราบอยู่บนหลังคา โบสถ์ จับเป็นกลุ่มปืนเราก็มีหน้าไม้ก็มีจัดการเลย ชาวบ้านที่ยืนมุงดูนั้นก็พากันห้ามปรามว่าหลวงพ่อท่านห้ามไม่ให้ยิงนกในวัด พวกนั้นไม่เชื่อฟัง อีกคนหนึ่งหยิบเอาปืนแก๊ปขึ้น ประทับบ่ายิงไปที่นกพิราบกลุ่มนั้นสับดังเซี๊ยๆ ตั้งหลายครั้งพยายามเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ออกเอาปืนยิงเท่าไหร่ไม่สำเร็จ ก็เลยหันไปหยิบหน้าไม้ยิงไปอีก ยิงทีไรลูกศรตกจากร่องหน้า ไม้ทุกที เป็นที่น่าแปลกประหลาดแก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ชายฉกรรจ์ชาวเหนือวัยกลางคนชักโมโหพูดว่า

"ขรัวตาวัดนี้มีอะไรวะ....."

                เมื่อพูดแล้ว คว้าได้ ขวานสั้น อันคมกริบ มาฟันลงหน้าแข้งฉาดๆ กระเด็นออกเป็นฟืนหุงข้าว ทำให้ผู้คนยืนมุงดูเป็นการใหญ่ ชาวบ้าน แถวนั้นตลอดจนพระสงฆ์พากันมายืนมุงดูอีกเป็นจำนวนมาก ชาวเหนือคนเลี้ยงช้างได้ใจยิ่ง แสดงถากหน้าแข้งอย่างไม่หยุดยั้งออกเป็นฟืนกองใหญ่ ในขณะนั้นได้มีชาวบ้านวิ่งหน้าตา ตื่นไปบอกกับหลวงพ่อศุขทันทีว่า

"ได้มีคนดีมาจากเหนือ ถากหน้าแข้งเป็นฟืนหุงข้าวได้ มีคนมุงดูกันเนืองแน่น"

หลวงพ่อศุขพูดว่า "ใครวะคนดี คนเก่ง"

               ชาวบ้านบอกว่า "คนเลี้ยงช้างครับหลวงพ่อ" หลวงพ่อศุขดุด่าขึ้นเสียงดัง

 "ไอ้ห่านี่...มันถากเสาศาลากู เดี๋ยวเถอะกำแหงใหญ่แล้วพวกนี้"

             ในเวลานั้นเป็นเวลาใกล้พรบค่ำแล้ว หลวงพ่อศุขคิดจะ ดัดสันดานพวกนี้ให้เข็ดหลาบเพราะท่านทราบว่า จวนจะได้เวลาพวกเลี้ยงช้างจะต้องต้อน
ช้างไปผูกแล้วสุมไฟให้ช้างนอน หลวงพ่อเดินลงจากกุฏิคว้ากะลามะพร้าวอันหนึ่งเดินไป ลานหญ้าหน้ากุฏิ หยุดบริกรรมพระเวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ เรียกฝูงช้างมารวมกัน ด้วยอำนาจ เวทย์มนต์หลวงพ่อศุข ช้างถูกลมพัดปลิวเท่าตัวแมลงวันตกอยู่ตรงหน้าแล้วท่านเอากะลา ครอบลง แล้วเอาเท้าเหยียบ ตรึงด้วย พระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ เป่าลงบนกะลาครอบนั้น เสร็จแล้วท่านก็เดินขึ้นไปบนกุฏิ พวกเลี้ยงช้างพากันกินข้าวปลาอาหารอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็พากันไปต้อน ช้างเข้านอนช่วยกันหาเท่าไหร่ก็ไม่พบจนอ่อนใจจนถึงกับพากันร้องไห้ ขึ้นไปกราบเท้า หลวงพ่อปรับทุกให้ท่านฟัง ขอสมาลาโทษต่อหลวงพ่อว่าถ้าช้างถูกขโมยไปแล้วเขาจะกลับบ้านไม่ได้ ขอให้หลวงพ่อช่วยสักครั้งเถิด หลวงพ่อศุขก็สั่งสอนว่า

"เรามาทำมาหากิน ให้อุตส่าห์ขยันหมั่นเพียร อย่าเบียดเบียนคนอื่น จะได้เอาเงินกลับไปเลี้ยงลูกเมีย พวกมึงกำแหง ศาลากูสร้างต้องเสียเงิน มึงเอาขวานมาถากเสาศาลาทำให้เสียหาย มึงจะต้องเอาเงินมาเปลี่ยน ทำเสาศาลากูให้ดีอย่างเดิม กูจึงจะเอาช้างให้มึง"

ขรัวตาวัดนี้มีอะไรดี!! เปิดตำนาน..อภินิหารหลวงปู่ศุข "เสกกะลาครอบช้าง" ดัดสันดานพวกเลี้ยงช้าง..ที่มาถากศาลาวัดด้วยวิชาอาคม !!

                พวกเลี้ยงช้างเหล่านั้นก็ยอมรับผิด แล้วมอบ เงินให้กับหลวงพ่อ ให้พอกับการ เปลี่ยนเสาศาลาให้ดีเท่าเก่า ก้มลงกราบอ้อนวอนขอสมาลาโทษ ทุกอย่าง หลวงพ่อศุขบอกว่า

"มึงตามมา พรุ่งนี้มึงต้องไปนะ ต้นไม้กูปลุกไว้ฉิบหายหมด นี่ แน่ะ ช้างมึงกูเอากะลาครอบเอาไว้"

                หลวงพ่อศุขเปิดกะลาที่ครอบนั้นออก ช้างก็กลาย ร่างเท่าเดิม พวกชาวเหนือเห็นดังนั้นก็ก้มลงกราบแทบเท้าหลวงพ่อ แล้วนำช้างเข้าพักนอน หลวงพ่อแสดงอภินิหารให้เห็นประจักษ์ครั้งนี้ เป็นที่ทราบกันทั่วไปในหมู่พระสงฆ์และชาวบ้าน ย่านนั้นจึงเล่ากันต่อๆ มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

 

 

 

ที่มาจาก : เพจ ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม