พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

  พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

          เชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องรับรู้ถึงพระเมตาของพ่อหลวงของแผ่นดิน และแม่ของแผ่นดิน ผู้ที่มีพระเมตตาดั่งสายธารหาที่สุดมิได้ ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค เคยได้เล่าประสบกาณ์ ที่ได้เขาเฝ้า กราบพระบาทพ่อและแม่ของแผ่นดิน ผ่านเฟซบุ๊ก Nitipong Honark   ข้อความว่า  

 

พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

          "  ไม่รู้ฉันเคยเล่าเรื่องนี้หรือเปล่าแม่ประไพ...ฉันเคยเล่าให้เพื่อนฟังบ้าง เล่าให้น้องๆ ฟังบ้าง...แต่จำไม่ได้ว่าเคยเล่าให้แม่ประไพฟังไหม...   ...แต่ถ้าเคยเล่าแล้ว ฉันก็ขอเล่าอีกละกัน...อย่าถือสาเลย.. เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว...วัดทุกวัดที่ต้องมีการยกช่อฟ้าอุโบสถใหม่ในประเทศไทยเรานี้ ผู้ที่จะเป็นผู้กดปุ่มยกช่อฟ้าไปติดบนยอดอุโบสถ มีพระองค์เดียวเท่านั้น คือ พระเจ้าอยู่หัว..และตามเสด็จด้วยพระราชินี และพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ...

 

พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

     ...ตอนนั้นฉันอายุประมาณสิบสองขวบ ได้ยินข่าวว่า ในหลวงจะเสด็จมาพร้อมพระราชินี ที่วัดแถว ๆ อำเภอบ้านหมี่ มายกช่อฟ้า ฉันก็ชวนเพื่อนนั่งรถไปเลย จากอำเภอเมือง ไปถึงบ้านหมี่นี่ก็ไกลมากสำหรับเด็กสิบสองขวบ หลายสิบกิโลอยู่....

     ...มีที่นั่งกับพื้นตามรายทางที่จะเสด็จ มีเชือกกั้น ฉันก็ได้ไปอยู่แถวหน้าเชือกกั้นกับเพื่อน...ถึงเวลาเสด็จ..ในหลวงก็เสด็จมาตามลาดพระบาท มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านสองข้างทางเดิน...ในเวลานั้น ฉันเป็นเด็กพิการนิดหน่อย ตาซ้ายเสีย ใส่ตาปลอมพลาสติก แต่ยังดูไม่เรียบร้อย ตาโปนออกมาผิดปกติ ดูผิดสังเกตมาก...

 

พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

         ในหลวงเสด็จพระราชดำเนินผ่านไปปฏิสันถารกับราษฏรอีกฝั่งของทางเดิน...ส่วนสมเด็จพระราชินีนาถ สังเกตเห็นฉัน ว่าฉันไม่ปกติ..จึงทรงหยุด...แล้วทรุดพระวรกายลงนั่ง ทอดพระเนตรมาที่ฉัน..."ตาเป็นอะไรจ๊ะ....""ตาเสียครับ..."......ในเวลานั้นฉันตอบฉลาดกว่านี้ไม่ได้เลย

ในเวลาเดียวกันนั้น พระธิดา เจ้าฟ้าสิรินธร กับเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ก็ทรงย่อพระองค์ลงขนาบซ้ายขวาพระมารดา แล้วทอดพระเนตรมาที่ฉันคนเดียว"ชอบเรียนหนังสือไหม"....พระราชินีทรงถามเด็กชายอายุสิบสอง"ชอบครับ"...."ดีละ...ตั้งใจเรียนให้เหมือนลูกสาวฉันสองคนนี้นะ จะได้เรียนให้เก่งๆ "

แล้วทั้งสามพระองค์ก็ทรงลุกขึ้น ตามเสด็จพระราชดำเนินในหลวงต่อไป...มันลืมไม่ได้ดอกแม่ประไพ...จำได้แบบไฮเดฟินิชั่นเลย...จำพระเนตรแห่งเมตตาได้...ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้...

              จนผ่านไปสี่สิบปีกว่า...จากเด็กบ้านนอก มาถึงวันที่เติบโตเป็นที่ยอมรับ ก็ได้รับเชิญไปดูโขนพระราชทาน เมื่อหลายปีมานี่เอง...บัตรเชิญที่ได้รับอยู่ตรงแถวติดกับทางเสด็จพระราชดำเนิน...ก็จะได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด เวลาทรงเสด็จผ่านที่นั่งของฉัน ซึ่งอยู่สูงกว่าทางเดิน ก็คือ ที่นั่งของฉันต้องสูงกว่า เวลาท่านเสด็จผ่านที่นั่งของฉัน...ท่านจะอยู่ต่ำกว่า...แล้วพระราชินีท่านก็เสด็จพระราชดำเนินผ่านที่นั่งของฉันที่สูงกว่า แล้วเงยพระพักตร์มาแย้มพระสรวลให้ ในระยะไม่เกินสองเมตร...ฉันตัวลีบ....ที่สุดเท่าที่จะลีบได้แล้ว...    แต่จำได้เลยว่า นี่คือ รอยแย้มพระสรวลแห่งเมตตา ภาพเดียวกันกับที่ฉันเคยได้รับตอนเมื่อสี่สิบปีก่อนนั้น ไม่ต่างกันเลย....
 

พระเมตตาแห่งองค์ราชินี!! กลั่นจากหัวใจ.."ดี้ นิติพงษ์" เฝ้ากราบพระบาทพระราชินี "รอยแย้มพระสรวลแห่งพระเมตตา" ผ่านมากว่า ๔๐ ปี ไม่เคยลืม !!

              อีกเรื่องคือเรื่องเล่าจากปากของท่านผู้หญิงที่เป็นนางสนองพระโอษฐ์... คนไทยกี่คนจะรู้...ว่า พระราชินี ทรงต้องกระโดดจากเฮลิคอปเตอร์ ที่สูงเกือบสองเมตรเหนือพื้นดิน เพราะหญ้าในป่ามันสูง จนเฮลิคอปเตอร์ลงไม่ได้...เพื่อจะไปช่วยพวกผู้อพยพ ในฐานะองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย...เห็นที่ทรงต้องดูดีงาม เพื่อรักษาภาพราชินีของคนไทย ด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ไทย....แต่มีคนไทยไม่มากหรอก ที่จะรู้ว่า พระแม่ราชินีของเรานี่   ทรงลำบากอะไรที่เราไม่เคยรู้เลย...อยากให้คนไทยได้รู้เสียจริงให้รู้ว่า เรามีพระราชินีที่เมื่อถึงเวลาสง่างามก็สง่างาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องกระโดดลงจากเครื่องบินก็ทรงทำ ถึงเวลาที่ทำงานหนักก็ต้องทำคนไทยเอย...

 บอกเลยนะ ถ้าวันนี้ในหลวงกับพระราชินี ไม่ต้องทรงต้องแบกภาระหน้าที่ขนาดนี้...ท่านคงจะทรงพระสำราญมากนักแล้วในโลกนี้ไม่มีพระราชาองค์ใด สมบุกสมบันขนาดนี้ และ ไม่มีพระราชินีองค์ใด ที่ต้องทรงพลอยสมบุกสมบันขนาดนี้ด้วย

      คำว่าทรงพระเจริญ...พูดได้ตามความเหมาะสม...แต่วันนี้...ฉันอยากพูดคำว่า....นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะขอร้องให้ช่วยดูแลพระพ่อพระแม่ของเรา ฉันอยากให้...คนไทย หันกลับไปดูแลองค์พ่อองค์แม่ของเราให้มากที่สุด...คนดี ๆ เรายังอยากเอาใจช่วยเลย...แต่นี่คือ พ่อแม่ของเราและคนทั้งเมือง...ซึ่งมีแต่ให้...ช่วยกันดูแลพ่อแม่หลวงเรากันนะ ...

 

 

ที่มาจาก : Nitipong Honark