- 09 ส.ค. 2560
รู้จริง...รู้แจ้ง...ทุกเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ www.tnews.co.th
ครั้งหนึ่ง "หลวงปู่ฝั้น อาจาโร" พาคณะแสวงบุญเดินทางไปที่พระธาตุเชิงชุมซึ่งอยู่ในตัวเมืองสกลนคร ระหว่างนั้นเมื่อท่านได้เห็นรถยนต์โดยสารคันหนึ่งเข้าก็รู้สึกแปลกใจว่า "ทำไมเหล็กวิ่งได้?" (ที่แปลกใจก็เพราะตั้งแต่เกิดมาท่านยังไม่เคยเห็นและไม่เคยนั่งรถยนต์แม้แต่ครั้งเดียว ท่านจึงลองขึ้นไปนั่งดูว่ามันจะเป็นอย่างไร)
เมื่อรถยนต์วิ่งไปได้สักครู่หนึ่ง หลวงปู่ฝั้นก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจว่า "รถยนต์เป็นเหล็ก ไม่มีชีวิต มันวิ่งได้อย่างไรหนอ?"
ด้วยความอยากรู้ หลวงปู่ฝั้นจึงกำหนดจิตเพื่อพิจารณาดูว่าอะไรทำให้รถยนต์วิ่งได้ โดยเพ่งกระแสจิตเข้าไปถึงเครื่องยนต์
ทันใดนั้นเครื่องยนต์ก็ดับ รถหยุดวิ่งทันทีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย!!
คนขับก็งงว่า รถวิ่งมาดี ๆ เครื่องยนต์ดับได้อย่างไร เขาจึงลงไปเปิดฝากระโปรงรถดู เมื่อเห็นว่าเครื่องยนต์ทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ เขาจึงกลับมาสตาร์ตเครื่อง เครื่องยนต์ก็ติดตามปกติ เขาก็เลยออกเดินทางต่อไป
[หลวงปู่ฝั้น อาจาโร]
[พระธาตุเชิงชุมในสมัยก่อน]
พอรถวิ่งผ่านมาแถวหน้ากรมทหารแห่งหนึ่ง หลวงปู่ฝั้นก็ยังไม่หายข้องใจ ท่านจึงกำหนดจิตเข้าไปพิจารณาที่เครื่องยนต์อีกครั้ง ผลก็คือเครื่องยนต์ดับเอาดื้อ ๆ เป็นครั้งที่สอง!!
คนขับรถสงสัยว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่จึงลงไปเปิดฝากระโปรงรถดูอีกครั้ง เมื่อไม่พบเหตุขัดข้องก็กลับมาสตาร์ตเครื่อง เครื่องก็ติดเหมือนเดิม รถก็วิ่งได้ตามปกติ
แต่พอวิ่งไปได้อีกไม่ไกลนัก หลวงปู่ฝั้นก็ยังไม่หายข้องใจอีก ท่านจึงกำหนดจิตเข้าไปพิจารณาที่เครื่องยนต์อีกครั้ง ผลก็เหมือนเดิมคือเครื่องยนต์ดับอีกเป็นครั้งที่สาม!!
คราวนี้หลวงปู่ฝั้นแน่ใจแล้วว่า สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับถึงสามครั้งสามหนจะต้องเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของท่านเองแน่ ๆ ท่านจึงได้เลิกพิจารณาหาคำตอบในสิ่งที่ท่านสงสัย เพราะนั่นจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนและเสียเวลาในการเดินทาง
ท้ายที่สุด รถคันนั้นก็วิ่งไปถึงอำเภอพรรณานิคมโดยสวัสดิภาพ...
---------------------------------------------------------------------
ที่มา : board.palungjit.org