ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

“ถ้าพุทธศาสนาเสื่อมจากประเทศไทย จะไปเจริญที่รัสเซีย” คำทำนายเก่าของหลวงพ่อพุธ ฐานโย เมื่อหลายปีก่อน ที่เมื่อก่อนอาจฟังดูแล้ว ช่างไกลเกินจะคิดจะฝันถึงได้ แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ คำทำนายดังกล่าวดู เขยิบเข้าใกล้ความจริงบ้างแล้ว

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

เมื่อวัดอภิธรรมพุทธวิหาร แห่งกรุงเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก  ณ ประเทศรัสเซีย ได้รับความนิยมในการเข้าร่วมกิจกรรมทางด้านพระพุทธศาสนาแก่ชาวรัสเซียมากขึ้น เช่น มีการทำวัดสวดมนต์ การทำบุญ การถวายทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา การบรรยายธรรมทั้งในวัดแห่งนี้เอง ภายใต้การดูแลของ พระ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ชาตรี  เหมพนฺโธ  พระไทย

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

พระ ศ. ดร. ชาตรี  เหมพนฺโธ ถือกำเนิดที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยเกิดที่ตำบลควนขนุน อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓ เรียบจบประถมปีที่ ๖ ที่จังหวัดบ้านเกิด คือ จากโรงเรียนวัดบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗  ได้บรรพชาเป็นสามเณรในปีที่จบการศึกษาระดับประถมนั้นเอง และเดินทางไปศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมพร้อมๆกันจนจบนักธรรมชั้นเอกและมัธยมปีที่ ๒ จากวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ จังหวัดนครศรีธรรมราช เสร็จแล้วก็ได้เดินทางไกลขึ้นไปทางภาคเหนือของประเทศไทย ไปเรียนต่อที่โรงเรียนธรรมสาธิตศึกษา ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ต่อมาก็เข้ากรุงไปเรียนระดับเตรียมอุดมศึกษา ที่โรงเรียนบาลีเตรียมอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ฯ กรุงเทพมหานคร พอจบระดับเตรียมอุดมศึกษาแล้ว ก็เรียนต่อระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ฝ่ายมหานิกายแห่งนี้จนจบปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗

อีกสามปีต่อมา ปีพ.ศ.๒๕๓๙  ท่านได้เดินทางไปยังประเทศรัสเซีย โดยท่านได้เล่าถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งนั้นว่า ท่านได้เรียนถามขอคำแนะนำจากหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ว่าจะศึกษาต่อที่ประเทศใด ระหว่าง อังกฤษ ออสเตรเลีย กับ รัสเซีย ซึ่งหลวงพ่อปัญญาฯ ได้แนะว่า ควรเป็นประเทศรัสเซียเพราะ เป็นประเทศที่ท่านปรารถนาจะไปเผยแผ่ธรรมะ ในขณะเดียวกันประเทศรัสเซียก็เป็นประเทศเดียวที่ท่านไม่มีโอกาสได้ไปเผยแผ่ธรรมะเลย ดังนั้นพระอาจารย์ชาตรีจึงเลือกเข้าศึกษาในคณะรัฐศาสตร์การทูต ที่มหาวิทยาลัยแห่งเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก (โดยทุนของรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย)

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เรียนอยู่ ๒ ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีรัฐศาสตร์การทูต จากภาควิชายุโรปศึกษา คณะการทูต พ.ศ. ๒๕๔๒ (ด้วยทุนของรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย) เรียนจบระดับปริญญาโทรัฐศาสตร์การทูต จากภาควิชายุโรปศึกษา  คณะรัฐศาสตร์การทูต  มหาวิทยาลัยแห่งเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก พ.ศ. ๒๕๔๔ (โดยทุนรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย)

 

 

อีก ๒ ปีต่อมาคือปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จบปริญญาเอก จากคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน แห่งเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก (ด้วยทุนของรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย) นับว่าเป็นปริญญาเอกใบแรก ต่อมาอีก ๒ ปี คือปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้ปริญญาเอกใบที่สอง ทางด้านรัฐศาสตร์การทูต ภาควิชายุโรปศึกษา จากคณะรัฐศาสตร์การทูต จากมห่าวิทยาลัยเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก (ด้วยทุนของรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย) และไม่ได้หยุดอยู่แค่ปริญญาเอกใบที่สอง ท่านได้เรียนต่อในระดับสูงขึ้นไปอีก

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

โดยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้เรียนต่อในระดับสูงกว่าปริญญาเอก เรียกว่า Post Doctorate Programme ในคณะรัฐศาสตร์การทูต ที่มหาวิทยาลัยแห่งเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก ซึ่งนับว่าเป็นนักวิชาการของไทยและชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับอนุมัติให้ศึกษาในระดับนี้ และทุนเล่าเรียนในระดับสูงสุดนี้รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียก็เป็นเจ้าภาพอีกเช่นเดียวกัน

 

ที่ท่านมีคำว่า ศ.ควบคู่กับ ดร. ด้วยนั้น ก็เพราะท่านเป็นอาจารย์ประจำ สอนในคณะการทูต ภาควิชายุโรปศึกษาและภาควิชาเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งกรุงเซนต์-ปิเตอร์สเบอร์ก ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย (School of International Relations, Saint-Petersburg State University) ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๘

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

ในขณะที่เล่าเรียนศึกษาอย่างยาวนานอยู่ในรัสเซียนี้ ท่านมองหาลู่ทางที่จะจัดตั้งวัดพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทขึ้น และก็ดำเนินการจนเสร็จ จนเปิดวัด อภิธรรมพุทธวิหาร เซนต์-ปิเตอร์สเบิร์ก อย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จากวันนั้นก็นับเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี แล้วที่พุทธศาสนาในประเทศไทย ได้เบ่งบานได้ประเทศรัสเซีย

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

 

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

ด้วยความตั้งมั่นที่จะเผยแผ่ธรรม ถึงแม้จะต้องพบความยากทั้งเรื่องของภาษา วัฒนธรรมและ ชีวิตความเป็นอยู่ อันเนื่องมาจากท่านต้องดูแลวัดแห่งนี้ด้วยตัวของท่านเอง ทั้งลงมือซ่อมแซมวัด เป็นภารโรงเช็ดถูดูแล เป็นพ่อครัวทำอาหารเลี้ยงผู้มาปฏิบัติธรรม และภาระหน้าที่ทางด้านการสอนเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบางรัสเซียเรื่องความมั่นคง และหน้าที่สำคัญคือพระวิปัสสนาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านก็ไม่เคยย่อท้อ ท่านบอกว่า จะให้ท่านทำอะไร เป็นอะไรก็ได้ “แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ยอมเป็นคือเป็นคนเลว และคนทรยศต่อพระรัตนตรัย ทรยศต่อครูบาอาจารย์ เพราะตั้งแต่สิบขวบ ข้าวทุกเม็ดอาหารทุกข้อนคืออาหารข้าวก้นบาตรของพระพุทธองค์ เลือดทุกหยดและทุกอณูจากพระพุทธองค์ ดังนั้นร่างกายนี้เพื่อพระพุทธองค์”

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

นับจากวันที่ท่านเดินทางมายังดินแดนแห่งหมีขาว ก็นับเป็นเวลา ๒๑ ปี โดยท่านอาจารย์ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า

“อีกหนึ่งเดือนจะครบ ๒๑ ปีที่ข้าพเจ้าได้มาฝังตัวและใช้ชีวิตในประเทศรัสเซีย ความรู้ทั้งทางธรรมและทางโลก อาจจะทำให้ข้าพเจ้าเป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น แต่ข้าพเจ้าตัดสินใจเป็นในสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน การสอนธรรมะและเผยแผ่พระศาสนาในรัสเซียอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ร่ำรวยมีชื่อเสียง แต่ข้าพเจ้าภาคภูมิใจที่ได้ชดใช้ข้าวก้นบาตรจนเติบใหญ่มีเนื้อหนัง ชีวิตสั้นลงทุกวัน ใยจะต้องทุกข์กับการแสวงหา ในเมื่อพระนิพพานอยู่ใกล้ๆ แต่เราส่วนใหญ่กลับมองไม่เห็น

 

 

สุดท้ายนี้ขอฝาก “อารมณ์ขัน” ของพระอาจารย์ชาตรี ไว้ว่า

“เพราะชาตรีแร่ด ทนอย่างแร่ด พุทธวจนะว่าด้วยแร่ด

อาตมาอาจจะไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่อย่างน้อยก็ยังภูมิใจที่ได้เป็นพุทธบุตรผู้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซียและยูเรเชีย จากลูกขาวบ้าน สู่การเป็นสามเณรน้อยพุทธบุตร มหาจุฬากล่อมเกลา ก้าวต่อมาคือการจบการทูต ได้ทำหน้าที่ทูตแห่งธรรม สอนกรรมฐานเป็นอาชีพ ส่วนการสอนมหาวิทยาลัยเซนต์ปิเตอร์สเบอร์กคือการทดแทนคุณข้าวปลาอาหารคืนให้รัฐบาลรัสเซียที่ให้ทุนและโอกาส ชีวิตนี้สั้นลงทุกที น้อยใจเสียใจบ้างตามประสา เหนื่อยแต่ไม่เคยท้อ เพราะชาตรีแร่ด ทนอย่างแรด”

"อาจไม่มีค่าอะไรในสังคมสงฆ์ไทย แต่ภูมิใจที่ได้สืบอายุพระศาสนาในรัสเซีย" เผยเรื่องราวพระไทยหัวใจแกร่ง "พระ ศ.ดร.ชาตรี  เหมพนฺโธ"

 

ทีมข่าวขออนุโมทนาความตั้งใจของพระคุณเจ้า พระอาจารย์ชาตรี มา ณ ที่นี้

ติดตามอ่านเรื่องราวของพระอาจารย์ชาตรีต่อได้ที่ :

Chatree Hemapandha

 

 

 

ที่มา : Chatree Hemapandha / หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 88 มี.ค. 51 โดย พิมพ์ศุจี / sites.google.com/site/buddhisminrussia/wad-phraphuthth-sasna-fay-therwath-ni-rasseiy