ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th

ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ได้พบ

โดยทองทิว สุวรรณทัต หนังสือพระธาตุปาฏิหาริย์

อภินิหารเจ้าคุณนรฯ

ภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิต

ตอนนั้น ท่านเจ้าคุณนรฯ มรณภาพแล้ว ก็ยังไม่ค่อยรู้จักท่าน ทั้ง ๆ ที่ญาติพี่น้องก็รู้จักท่านกันอย่างดิบดี เพราะญาติผู้ใหญ่ของดิฉันท่านหนึ่งที่ดิฉันเรียกท่านว่า “หลวงอา” ท่านบวชอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ฯ ท่านเป็นนักเรียนนอกมาก่อน เป็นนักเรียนอังกฤษ แล้วท่านก็มาบวช

ท่านมีความเคารพท่านเจ้าคุณนรฯ มาก ก็บอกให้หลาน ๆ ทุกคนไปกราบ พี่น้องเขาก็ไปกราบหมด มีดิฉันคนเดียวที่ไม่ยอมไปกราบท่าน เมื่อไหร่ไปกราบก็ได้

จนกระทั่งท่านมรณภาพไป คนเขาก็ตื่นเต้นฮือฮาท่าน ก็มีเหรียญมีอะไรของท่านที่เขานับถือ

อยู่มาวันหนึ่ง ก็ไปอ่านประวัติท่าน ตอนนั้นอยู่สภานิติบัญญัติค่ะ เสร็จจากงาน หลังจากที่ทำงานมาอย่างหนักแล้ว ดิฉันเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณด้วย อยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ กันตลอด แล้วก็ต้องอ่านงานมาก

เช้าวันนั้น จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ ขอตื่นสายสักวันเถอะ แต่ตอนนั้นตื่นแล้ว ยังไม่อยากลุกขึ้น ก็คว้าหนังสือจากหัวเตียงมา จะเป็นหนังสืออะไรได้ขออ่านก่อน

กลายเป็นหนังสือเจ้าคุณนรฯ ซึ่งไม่เคยได้อ่านเลยวันนั้นก็อ่านไปพลิกอ่านอยู่ตอนหนึ่งว่า ท่านนั่งภาวนาตั้งแต่๖ โมงเย็นถึง ๖ โมงเช้าโดยไม่หลับ

ดิฉันก็นึกว่า เอ๊ะ ! นั่งได้อย่างไรคนเรา ? เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่ามีพระอย่างนี้ทำได้

พระองค์นี้ท่านต้องมีศีลบริสุทธิ์ซี ! ตอนนั้นเราไม่ค่อยศรัทธานะ เพราะเคยเห็นพระพูดเล่น บางทีล้อสีกา หรือบางครั้งเคยเห็นพระหัดเต้นรำ

ผู้เขียน เคยเห็นพระหัดเต้นรำหรือครับ ?

คุณสุรีพันธุ์ ค่ะ พระหัดเต้นรำสเต็ปใหม่ ๆ ดิฉันก็เลยไม่รู้สึกศรัทธาท่าน

แต่เมื่อมาอ่านประวัติเจ้าคุณนรฯ ก็นึกว่าพระท่านอย่างนี้มีนะ !...ท่านมีศีลบริสุทธิ์น่าเคารพนะ แหม ! ทำอย่างไรเราจะได้พระของท่านสักองค์

แต่นึกในใจว่าป่านนี้คงไม่ได้แล้ว คงหมดแล้ว ใคร ๆ คงแย่งกันตาย เพราะตอนที่เราคิดนี่มันปี ๑๗ แล้วนะคะ. เสร็จแล้วก็นึกตัดใจว่าไม่เอาแล้ว เลิกกัน

ไปล้างหน้า พอล้างหน้าออกมา แต่งตัวหน้ากระจก มองเห็นโถแก้วที่ใส่สำลีสำหรับเช็ดเครื่องสำอาง จะหยิบขึ้นมาเช็ดมองเห็น

เอ๊ะ ! ในนั้นมีอะไร ?

มีพระอยู่ตั้งหลายองค์ แต่ที่ประหลาดอยู่ที่องค์หนึ่ง ที่แปลกใจเพราะเป็นเหรียญ ก็หยิบขึ้นมาดู มองดูหน้าไปมา

เหรียญสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

(เจริญ) พ.อ.ฆ.

(ไม่ใช่เหรียญที่คุณหญิงได้รับ)

มาได้อย่างไร..ปาฏิหาริย์ "เจ้าคุณนรฯ" แม้ละสังขารไปนาน พอคุณหญิงนึกอยากได้พระ อยู่ๆก็มาเอง จีวรก็มาเอง และยังยาวขึ้นได้อีก...

เจ้าคุณนรฯ

 

เอ๊ะ ! นี่เหมือนกับที่เรานึกเมื่อกี้นี้นี่ ดูลักษณะหน้าตาเหมือนหมด ! เขียนว่า พ.ฆ.อ.

ดิฉันก็วิ่งไปถามลูกว่า ใครเอาอะไรมาไว้ที่นี่ ดิฉันหลุดมาคำว่า เอ! ทำไมเหมือนในหนังสือนี่ เหมือนอย่างที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านเสก ที่เราอยากได้สักองค์แต่นึกว่าคงไม่ได้

เอ๊ะ ! นี่เหมือนที่แม่นึกอยากจะได้นี่ แต่ตัดไปแล้ว เราไม่เอาแล้ว พระอื่นก็มี มีพระสมเด็จ พระอะไร ๆ มาหลายองค์เลย

ผู้เขียน มาพร้อมกัน ?

คุณสุรีพันธุ์ ค่ะ.มาหลายองก์เลย ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นของแปลก นึกว่าเรามีกันอยู่เสมอ ถ้าใครอยากได้ ก็คงจะตกลงมาให้อย่างนั้น

แต่ตอนนั้นยังสงสัยว่าปลอมหรือเปล่า ยังสงสัย ก็วิ่งไปทาบรุ่นกับเขา จนต้องไปกราบหลวงอาให้ท่านดู ท่านก็บอกว่าใช่

แล้วหลวงอาบอกว่า ที่ท่านเสกอย่างนี้มีพระกริ่งอีกนะ เราก็บ่นว่า แล้วทำไมเราไม่ได้พระกริ่งอีกล่ะ แล้วพระกริ่งก็มาอีก !

ผ้าจีวรท่านเจ้าคุณ

ต่อสู้ที่โต๊ะหมู่บูชา มีผ้าบาง ๆ ขยำ ๆ อยู่ ก็คลี่ออกมาดู รูปร่างเหมือนจีวร ฉีกมาเป็นชิ้น ๆ แต่มีรอยขยำ ๆ

ดิฉันก็กำมาถามใครต่อใครว่ามีใครหยิบเอามาวางไว้ ก็ไม่มีใครรู้

ตอนนั้นกำลังดูทีวี ดิฉันก็ยังกำผ้าอยู่ในมือ ปรากฏว่า เหมือนมีอะไรมาดูด ผ้านั้นเต้นได้ !

ดิฉันก็ตกใจว่าอะไรกันนี่ ? ผ้ามาดูดเรา ก็ให้วิลาศจับ ไม่เป็น พอเราจับ ก็เป็น ก็วิ่งไปซักหลวงอา

หลวงอาว่าเรื่องนี้ประหลาด แต่ใจนั้นคิดว่าเป็นของท่านจ้าคุณนร ฯ

หลวงอาก็แนะนำให้ไปถามคุณตรึก น้องชายท่านเจ้าคุณนรฯ ดิฉันก็ตามจนหาได้ว่าน้องชายเจ้าคุณนรฯ อยู่ที่ไหน ก็โทรศัพท์ขอนัดพบคุณตรึก

พอพบแล้วก็วางผ้าสามผืนให้ดู คุณตรึกก็บอกว่า

อันนี้จีวรเจ้าคุณพี่ ! อันนี้สบงเจ้าคุณพี่ ! อันนี้อังสะเจ้าคุณพี่ !

ดิฉันก็ถามว่า ทำไมมันฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างนี้ล่ะคะ ?

ท่านก็บอกว่า ของพรรค์นี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ฉีกบ่อย ท่านประหยัดมาก

การที่จีวรกะดำกะด่างก็เพราะท่านจะใช้ของอย่างคุ้มค่าเลย แล้วท่านจะฉีกของเหล่านี้แทนเชือกห่อของกลับมาส่งที่บ้าน

แล้วคุณตรึกถามว่า ดิฉันได้มาอย่างไร ก็เล่าให้ท่านฟังว่าอยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏบนพานที่โต๊ะหมู่บูชา ท่านก็ว่า เออ...แปลก ! แต่ท่านก็แบ่งให้ทุกอย่างจนครบ

ยาวได้อย่างน่าอัศจรรย์

ทีนี้ความอัศจรรย์ต่อไปคือผ้าของท่านทั้งสามผืนนี้ ดิฉันวัดไว้ว่ายาวเท่าไร ใคร ๆ ก็ขอดูกันใหญ่ เราก็เอามาให้ดู เพราะเราวัดไว้นี่

วันหนึ่งผ้าผืนที่สั้น ยาวไปอีกราวสองเซนติเมตร ผ้ายาวออกไป

คุณทองทิวก็รู้ว่านักบัญชีนี่ทำอะไรต้องจดสถิติ ดิฉันก็ว่า

เฮ้อ ! ยาวออกมาแค่นี้ ไปเล่าไห้ใครฟังก็ไม่เชื่อ เก่งจริงยาวให้อีกคืบซี !

ท่านก็ยาวออกมาอีกคืบหนึ่ง

ดิฉันถึงกับไหว้ท่าน ต่อจากนั้นก็มีอะไรต่ออะไรมาอีก

มาได้อย่างไร..ปาฏิหาริย์ "เจ้าคุณนรฯ" แม้ละสังขารไปนาน พอคุณหญิงนึกอยากได้พระ อยู่ๆก็มาเอง จีวรก็มาเอง และยังยาวขึ้นได้อีก...

เริ่มปฏิบัติธรรม

ศจ.น.พ.อวย เกตุสิงห์

ผู้เขียน อยากทราบตอนปฏิบัติธรรม

คุณสุรีพันธุ์ ตอนที่ถึงระยะการปฏิบัติธรรมนี่ คุณหมออวยบอกว่า คุณสุรีพันธุ์ควรจะทำสมาธิภาวนาได้แล้ว ก็ถามท่านว่าทำอย่างไรกันคุณหมอ ?

ท่านก็บอก เขาก็นั่งสมาธิกันน่ะซี

ก็บอก อุ๊ย ! ดิฉันไม่ทำหรอก ไม่ดี เขาบอกคนทำประเดี๋ยวเป็นบ้า คุณหมออวยแนะนำดังนี้แล้วก็แล้วกันไป

วันประชุมวันนั้นเป็นวันศุกร์ สมัยนั้นมีการประชุมสองวัน วันพฤหัสบดีกับวันศุกร์ ที่พบคุณหมออวยวันนั้น ท่านพูดมาอีกคำหนึ่งว่า อย่าไปกลัวอย่างนั้นซีครับ ให้อธิษฐานซิว่า ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม อ้ายที่น่ากลัวอย่าไปพบ แต่เราก็ยังไม่เชื่อ

คืนนั้นดิฉันก็ทดลองทำ พอวิลาศเขาลุกขึ้นไปเขียนหนังสือตอนตี ๔ กว่า ๆ ดิฉันก็ลุกขึ้นมาลองนั่งปลายเตียง ก็ลองมานั่งดู ไม่รู้ว่านั่งอย่างไร

เอ๊ะ ! มันก็สนุกดี มันเหมือนกับตัวหมุนไป บางทีตัวมันก็พอง ลอย ๆ แต่เมื่อนั่งนานมันก็ร้อน ก็นึกในใจ ขอลมหน่อย ขอลมหน่อย เสื้อก็ปลิวเหมือนมีอะไรมาพัดให้เราเย็นสบาย เอ๊ะ ! นี่ก็สนุกดี

ผู้เขียน ตอนนั้นคุณสุรีพันธุ์ใช้คำภาวนาอะไร ?

คุณสุรีพันธุ์ ตอนนั้นก็คิดเหมือนกันว่าจะใช้อะไรดี เขาพูดกันว่า ใช้ พุท-โธ

คำว่า พุท-โธ นี่ คนเขาร้องกันว่า พุทโธ่ ! ดิฉันก็ยังไม่รู้จัก ดิฉันบอกไม่ได้น่าเกลียด

แล้ว “อะระหัง” นี่เราก็ได้ยินกันว่า คนจะตายเขาบอกว่า อะระหัง เพราะฉะนั้นเราไม่เอา

เอ๊ ! เคยได้ยินว่ามี พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เขาเรียก นะ โม พุท ธา ยะ ดิฉันก็ท่อง นะ โม พุท ธา ยะ ซึ่งยาว ที่จริงก็ผิด แต่เราไม่รู้ ดิฉันก็ใช้

เอ ! มันสบายดีนี่

พอไปทำงาน ดิฉันก็นั่งมาในรถ คราวก่อนนั่งในรถนี่ ดิฉันไม่ปล่อยให้เวลาเสียไป นั่งอ่านหนังสือ เซ็นหนังสือไป ประหยัดเวลาทุกอย่าง ด้วยการบ้างาน ทำแต่งาน ตอนนี้งานก็หยุด เราหัดนั่งภาวนาไปในรถ

อยากจะดูอะไรในตอนนั้นมันง่ายหมดเลย อยากดูฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า ขอดูหน่อย อุ๊ย ! ก็เห็นสวยงาม อยากอะไรก็ดู

ทุกวันนี้ลองดูอะไรทุกอย่าง อยากดูแสง อยากดูอะไรก็มีอยู่เรื่อย

จนถึงวันที่ไปประชุมสภาฯดิฉันเป็นกรรมาธิการตรวจรายงานการประชุม เขาประชุมกันสองโมงเช้า เราก็ต้องไปให้ก่อนหน้า เราประชุมเสร็จแล้วจะได้ไปทำงาน

ดิฉันให้ไปจอดรถที่ลานพระรูป ก่อนเข้าพระที่นั่งอนันต์ฯตอนนั้นสภาฯ อยู่ที่พระที่นั่งอนันต์ฯ

ธรรมดาก่อนนี้ ดิฉันจะต้องเซ็นหนังสือในรถ ดิฉันก็ไล่คนรถออกไปได้ คุณผู้หญิงมาเร็ว จะเซ็นหนังสือ แต่ที่แท้วันนั้นไม่ได้เซ็นหนังสือ นั่งภาวนา ลองนั่งดู

เอ๊ะ ! ใครมาขย่มรถ จนรถนี้ยวบ ๆ ๆ ทีเดียว

จนอดลืมตาไม่ได้ ไม่เห็นมีใครเลยในรถ คนรถไปยืนอยู่โน้น มีเราอยู่คนเดียว ในที่ใกล้ ๆ ไม่มีใคร มีเราอยู่คนเดียว

ก็นึกว่า นี่มันอะไรกันนี่ มันหวั่นไหวจนรถเขย่าถึงขนาดนี้

พอวันรุ่งขึ้นประชุมสภาฯ ก็พบคุณหมออวย ดิฉันก็เล่าว่าที่คุณหมอแนะนำให้นั่งภาวนานั่นดิฉันลองดูแล้ว สนุกดี !

ท่านก็ถามว่า อะไร? สนุกยังไง ?

ดิฉันก็เล่าให้ท่านฟังว่า บางครั้งตัวเราเหมือนมีเดือยหมุนไป บางครั้งก็ลอย บางครั้งร้อนก็มีลมพัดมา ทำได้ทุกอย่าง อยากดูแสงก็ดูได้

คุณหมออวยก็ร้องว่า ตายจริง ! ผมทำมาตั้งสิบปียังไม่ได้อย่างนี้ นี่คุณทำมายังไม่ถึงอาทิตย์เลย ทำไมแปลกยังงี้

แล้วท่านก็ถามว่า คุณนั่งอย่างไร ก็นั่งให้ท่านดู ท่านก็ว่า เอ๊ะ ! ถูกนี่ โดยคุณไม่ได้ไปหัดจากใคร ไปเรียนจากใคร ดิฉันก็บอกไม่รู้ซิคะ ท่านก็ว่าเออแปลก !

แต่ที่จริงแปลกนะ คุณทองทิว สิ่งที่ได้นี่เหมือนผู้ใหญ่เขาเอาขนมหวานมาล่อเด็กน่ะ คือเพื่อให้เราสนุกและสนใจ ตอนหลัง ๆ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป มันชวนให้เราดื่มด่ำในการทำ

ทีนี้เราก็แอบทำตอนวิลาศออกไปเขียนหนังสือ บางทีใจมันก็นิ่ง บางทีมันก็เห็นขาวสว่างโพลง เราก็รู้สึก เอ ! มันสบายดีนี่

มาได้อย่างไร..ปาฏิหาริย์ "เจ้าคุณนรฯ" แม้ละสังขารไปนาน พอคุณหญิงนึกอยากได้พระ อยู่ๆก็มาเอง จีวรก็มาเอง และยังยาวขึ้นได้อีก...

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://www.dharma-gateway.com/

ศิษย์มีครู