- 22 ส.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th
ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ได้พบ
โดยทองทิว สุวรรณทัต หนังสือพระธาตุปาฏิหาริย์
อภินิหารเจ้าคุณนรฯ
ภิกษุพระยานรรัตน์ราชมานิต
ตอนนั้น ท่านเจ้าคุณนรฯ มรณภาพแล้ว ก็ยังไม่ค่อยรู้จักท่าน ทั้ง ๆ ที่ญาติพี่น้องก็รู้จักท่านกันอย่างดิบดี เพราะญาติผู้ใหญ่ของดิฉันท่านหนึ่งที่ดิฉันเรียกท่านว่า “หลวงอา” ท่านบวชอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ฯ ท่านเป็นนักเรียนนอกมาก่อน เป็นนักเรียนอังกฤษ แล้วท่านก็มาบวช
ท่านมีความเคารพท่านเจ้าคุณนรฯ มาก ก็บอกให้หลาน ๆ ทุกคนไปกราบ พี่น้องเขาก็ไปกราบหมด มีดิฉันคนเดียวที่ไม่ยอมไปกราบท่าน เมื่อไหร่ไปกราบก็ได้
จนกระทั่งท่านมรณภาพไป คนเขาก็ตื่นเต้นฮือฮาท่าน ก็มีเหรียญมีอะไรของท่านที่เขานับถือ
อยู่มาวันหนึ่ง ก็ไปอ่านประวัติท่าน ตอนนั้นอยู่สภานิติบัญญัติค่ะ เสร็จจากงาน หลังจากที่ทำงานมาอย่างหนักแล้ว ดิฉันเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณด้วย อยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ กันตลอด แล้วก็ต้องอ่านงานมาก
เช้าวันนั้น จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ ขอตื่นสายสักวันเถอะ แต่ตอนนั้นตื่นแล้ว ยังไม่อยากลุกขึ้น ก็คว้าหนังสือจากหัวเตียงมา จะเป็นหนังสืออะไรได้ขออ่านก่อน
กลายเป็นหนังสือเจ้าคุณนรฯ ซึ่งไม่เคยได้อ่านเลยวันนั้นก็อ่านไปพลิกอ่านอยู่ตอนหนึ่งว่า ท่านนั่งภาวนาตั้งแต่๖ โมงเย็นถึง ๖ โมงเช้าโดยไม่หลับ
ดิฉันก็นึกว่า เอ๊ะ ! นั่งได้อย่างไรคนเรา ? เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่ามีพระอย่างนี้ทำได้
พระองค์นี้ท่านต้องมีศีลบริสุทธิ์ซี ! ตอนนั้นเราไม่ค่อยศรัทธานะ เพราะเคยเห็นพระพูดเล่น บางทีล้อสีกา หรือบางครั้งเคยเห็นพระหัดเต้นรำ
ผู้เขียน เคยเห็นพระหัดเต้นรำหรือครับ ?
คุณสุรีพันธุ์ ค่ะ พระหัดเต้นรำสเต็ปใหม่ ๆ ดิฉันก็เลยไม่รู้สึกศรัทธาท่าน
แต่เมื่อมาอ่านประวัติเจ้าคุณนรฯ ก็นึกว่าพระท่านอย่างนี้มีนะ !...ท่านมีศีลบริสุทธิ์น่าเคารพนะ แหม ! ทำอย่างไรเราจะได้พระของท่านสักองค์
แต่นึกในใจว่าป่านนี้คงไม่ได้แล้ว คงหมดแล้ว ใคร ๆ คงแย่งกันตาย เพราะตอนที่เราคิดนี่มันปี ๑๗ แล้วนะคะ. เสร็จแล้วก็นึกตัดใจว่าไม่เอาแล้ว เลิกกัน
ไปล้างหน้า พอล้างหน้าออกมา แต่งตัวหน้ากระจก มองเห็นโถแก้วที่ใส่สำลีสำหรับเช็ดเครื่องสำอาง จะหยิบขึ้นมาเช็ดมองเห็น
เอ๊ะ ! ในนั้นมีอะไร ?
มีพระอยู่ตั้งหลายองค์ แต่ที่ประหลาดอยู่ที่องค์หนึ่ง ที่แปลกใจเพราะเป็นเหรียญ ก็หยิบขึ้นมาดู มองดูหน้าไปมา
เหรียญสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(เจริญ) พ.อ.ฆ.
(ไม่ใช่เหรียญที่คุณหญิงได้รับ)
เจ้าคุณนรฯ
เอ๊ะ ! นี่เหมือนกับที่เรานึกเมื่อกี้นี้นี่ ดูลักษณะหน้าตาเหมือนหมด ! เขียนว่า พ.ฆ.อ.
ดิฉันก็วิ่งไปถามลูกว่า ใครเอาอะไรมาไว้ที่นี่ ดิฉันหลุดมาคำว่า เอ! ทำไมเหมือนในหนังสือนี่ เหมือนอย่างที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านเสก ที่เราอยากได้สักองค์แต่นึกว่าคงไม่ได้
เอ๊ะ ! นี่เหมือนที่แม่นึกอยากจะได้นี่ แต่ตัดไปแล้ว เราไม่เอาแล้ว พระอื่นก็มี มีพระสมเด็จ พระอะไร ๆ มาหลายองค์เลย
ผู้เขียน มาพร้อมกัน ?
คุณสุรีพันธุ์ ค่ะ.มาหลายองก์เลย ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นของแปลก นึกว่าเรามีกันอยู่เสมอ ถ้าใครอยากได้ ก็คงจะตกลงมาให้อย่างนั้น
แต่ตอนนั้นยังสงสัยว่าปลอมหรือเปล่า ยังสงสัย ก็วิ่งไปทาบรุ่นกับเขา จนต้องไปกราบหลวงอาให้ท่านดู ท่านก็บอกว่าใช่
แล้วหลวงอาบอกว่า ที่ท่านเสกอย่างนี้มีพระกริ่งอีกนะ เราก็บ่นว่า แล้วทำไมเราไม่ได้พระกริ่งอีกล่ะ แล้วพระกริ่งก็มาอีก !
ผ้าจีวรท่านเจ้าคุณ
ต่อสู้ที่โต๊ะหมู่บูชา มีผ้าบาง ๆ ขยำ ๆ อยู่ ก็คลี่ออกมาดู รูปร่างเหมือนจีวร ฉีกมาเป็นชิ้น ๆ แต่มีรอยขยำ ๆ
ดิฉันก็กำมาถามใครต่อใครว่ามีใครหยิบเอามาวางไว้ ก็ไม่มีใครรู้
ตอนนั้นกำลังดูทีวี ดิฉันก็ยังกำผ้าอยู่ในมือ ปรากฏว่า เหมือนมีอะไรมาดูด ผ้านั้นเต้นได้ !
ดิฉันก็ตกใจว่าอะไรกันนี่ ? ผ้ามาดูดเรา ก็ให้วิลาศจับ ไม่เป็น พอเราจับ ก็เป็น ก็วิ่งไปซักหลวงอา
หลวงอาว่าเรื่องนี้ประหลาด แต่ใจนั้นคิดว่าเป็นของท่านจ้าคุณนร ฯ
หลวงอาก็แนะนำให้ไปถามคุณตรึก น้องชายท่านเจ้าคุณนรฯ ดิฉันก็ตามจนหาได้ว่าน้องชายเจ้าคุณนรฯ อยู่ที่ไหน ก็โทรศัพท์ขอนัดพบคุณตรึก
พอพบแล้วก็วางผ้าสามผืนให้ดู คุณตรึกก็บอกว่า
อันนี้จีวรเจ้าคุณพี่ ! อันนี้สบงเจ้าคุณพี่ ! อันนี้อังสะเจ้าคุณพี่ !
ดิฉันก็ถามว่า ทำไมมันฉีกเป็นชิ้น ๆ อย่างนี้ล่ะคะ ?
ท่านก็บอกว่า ของพรรค์นี้ท่านเจ้าคุณนรฯ ฉีกบ่อย ท่านประหยัดมาก
การที่จีวรกะดำกะด่างก็เพราะท่านจะใช้ของอย่างคุ้มค่าเลย แล้วท่านจะฉีกของเหล่านี้แทนเชือกห่อของกลับมาส่งที่บ้าน
แล้วคุณตรึกถามว่า ดิฉันได้มาอย่างไร ก็เล่าให้ท่านฟังว่าอยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏบนพานที่โต๊ะหมู่บูชา ท่านก็ว่า เออ...แปลก ! แต่ท่านก็แบ่งให้ทุกอย่างจนครบ
ยาวได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทีนี้ความอัศจรรย์ต่อไปคือผ้าของท่านทั้งสามผืนนี้ ดิฉันวัดไว้ว่ายาวเท่าไร ใคร ๆ ก็ขอดูกันใหญ่ เราก็เอามาให้ดู เพราะเราวัดไว้นี่
วันหนึ่งผ้าผืนที่สั้น ยาวไปอีกราวสองเซนติเมตร ผ้ายาวออกไป
คุณทองทิวก็รู้ว่านักบัญชีนี่ทำอะไรต้องจดสถิติ ดิฉันก็ว่า
เฮ้อ ! ยาวออกมาแค่นี้ ไปเล่าไห้ใครฟังก็ไม่เชื่อ เก่งจริงยาวให้อีกคืบซี !
ท่านก็ยาวออกมาอีกคืบหนึ่ง
ดิฉันถึงกับไหว้ท่าน ต่อจากนั้นก็มีอะไรต่ออะไรมาอีก
เริ่มปฏิบัติธรรม
ศจ.น.พ.อวย เกตุสิงห์
ผู้เขียน อยากทราบตอนปฏิบัติธรรม
คุณสุรีพันธุ์ ตอนที่ถึงระยะการปฏิบัติธรรมนี่ คุณหมออวยบอกว่า คุณสุรีพันธุ์ควรจะทำสมาธิภาวนาได้แล้ว ก็ถามท่านว่าทำอย่างไรกันคุณหมอ ?
ท่านก็บอก เขาก็นั่งสมาธิกันน่ะซี
ก็บอก อุ๊ย ! ดิฉันไม่ทำหรอก ไม่ดี เขาบอกคนทำประเดี๋ยวเป็นบ้า คุณหมออวยแนะนำดังนี้แล้วก็แล้วกันไป
วันประชุมวันนั้นเป็นวันศุกร์ สมัยนั้นมีการประชุมสองวัน วันพฤหัสบดีกับวันศุกร์ ที่พบคุณหมออวยวันนั้น ท่านพูดมาอีกคำหนึ่งว่า อย่าไปกลัวอย่างนั้นซีครับ ให้อธิษฐานซิว่า ขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม อ้ายที่น่ากลัวอย่าไปพบ แต่เราก็ยังไม่เชื่อ
คืนนั้นดิฉันก็ทดลองทำ พอวิลาศเขาลุกขึ้นไปเขียนหนังสือตอนตี ๔ กว่า ๆ ดิฉันก็ลุกขึ้นมาลองนั่งปลายเตียง ก็ลองมานั่งดู ไม่รู้ว่านั่งอย่างไร
เอ๊ะ ! มันก็สนุกดี มันเหมือนกับตัวหมุนไป บางทีตัวมันก็พอง ลอย ๆ แต่เมื่อนั่งนานมันก็ร้อน ก็นึกในใจ ขอลมหน่อย ขอลมหน่อย เสื้อก็ปลิวเหมือนมีอะไรมาพัดให้เราเย็นสบาย เอ๊ะ ! นี่ก็สนุกดี
ผู้เขียน ตอนนั้นคุณสุรีพันธุ์ใช้คำภาวนาอะไร ?
คุณสุรีพันธุ์ ตอนนั้นก็คิดเหมือนกันว่าจะใช้อะไรดี เขาพูดกันว่า ใช้ พุท-โธ
คำว่า พุท-โธ นี่ คนเขาร้องกันว่า พุทโธ่ ! ดิฉันก็ยังไม่รู้จัก ดิฉันบอกไม่ได้น่าเกลียด
แล้ว “อะระหัง” นี่เราก็ได้ยินกันว่า คนจะตายเขาบอกว่า อะระหัง เพราะฉะนั้นเราไม่เอา
เอ๊ ! เคยได้ยินว่ามี พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เขาเรียก นะ โม พุท ธา ยะ ดิฉันก็ท่อง นะ โม พุท ธา ยะ ซึ่งยาว ที่จริงก็ผิด แต่เราไม่รู้ ดิฉันก็ใช้
เอ ! มันสบายดีนี่
พอไปทำงาน ดิฉันก็นั่งมาในรถ คราวก่อนนั่งในรถนี่ ดิฉันไม่ปล่อยให้เวลาเสียไป นั่งอ่านหนังสือ เซ็นหนังสือไป ประหยัดเวลาทุกอย่าง ด้วยการบ้างาน ทำแต่งาน ตอนนี้งานก็หยุด เราหัดนั่งภาวนาไปในรถ
อยากจะดูอะไรในตอนนั้นมันง่ายหมดเลย อยากดูฉัพพรรณรังสีพระพุทธเจ้า ขอดูหน่อย อุ๊ย ! ก็เห็นสวยงาม อยากอะไรก็ดู
ทุกวันนี้ลองดูอะไรทุกอย่าง อยากดูแสง อยากดูอะไรก็มีอยู่เรื่อย
จนถึงวันที่ไปประชุมสภาฯดิฉันเป็นกรรมาธิการตรวจรายงานการประชุม เขาประชุมกันสองโมงเช้า เราก็ต้องไปให้ก่อนหน้า เราประชุมเสร็จแล้วจะได้ไปทำงาน
ดิฉันให้ไปจอดรถที่ลานพระรูป ก่อนเข้าพระที่นั่งอนันต์ฯตอนนั้นสภาฯ อยู่ที่พระที่นั่งอนันต์ฯ
ธรรมดาก่อนนี้ ดิฉันจะต้องเซ็นหนังสือในรถ ดิฉันก็ไล่คนรถออกไปได้ คุณผู้หญิงมาเร็ว จะเซ็นหนังสือ แต่ที่แท้วันนั้นไม่ได้เซ็นหนังสือ นั่งภาวนา ลองนั่งดู
เอ๊ะ ! ใครมาขย่มรถ จนรถนี้ยวบ ๆ ๆ ทีเดียว
จนอดลืมตาไม่ได้ ไม่เห็นมีใครเลยในรถ คนรถไปยืนอยู่โน้น มีเราอยู่คนเดียว ในที่ใกล้ ๆ ไม่มีใคร มีเราอยู่คนเดียว
ก็นึกว่า นี่มันอะไรกันนี่ มันหวั่นไหวจนรถเขย่าถึงขนาดนี้
พอวันรุ่งขึ้นประชุมสภาฯ ก็พบคุณหมออวย ดิฉันก็เล่าว่าที่คุณหมอแนะนำให้นั่งภาวนานั่นดิฉันลองดูแล้ว สนุกดี !
ท่านก็ถามว่า อะไร? สนุกยังไง ?
ดิฉันก็เล่าให้ท่านฟังว่า บางครั้งตัวเราเหมือนมีเดือยหมุนไป บางครั้งก็ลอย บางครั้งร้อนก็มีลมพัดมา ทำได้ทุกอย่าง อยากดูแสงก็ดูได้
คุณหมออวยก็ร้องว่า ตายจริง ! ผมทำมาตั้งสิบปียังไม่ได้อย่างนี้ นี่คุณทำมายังไม่ถึงอาทิตย์เลย ทำไมแปลกยังงี้
แล้วท่านก็ถามว่า คุณนั่งอย่างไร ก็นั่งให้ท่านดู ท่านก็ว่า เอ๊ะ ! ถูกนี่ โดยคุณไม่ได้ไปหัดจากใคร ไปเรียนจากใคร ดิฉันก็บอกไม่รู้ซิคะ ท่านก็ว่าเออแปลก !
แต่ที่จริงแปลกนะ คุณทองทิว สิ่งที่ได้นี่เหมือนผู้ใหญ่เขาเอาขนมหวานมาล่อเด็กน่ะ คือเพื่อให้เราสนุกและสนใจ ตอนหลัง ๆ ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป มันชวนให้เราดื่มด่ำในการทำ
ทีนี้เราก็แอบทำตอนวิลาศออกไปเขียนหนังสือ บางทีใจมันก็นิ่ง บางทีมันก็เห็นขาวสว่างโพลง เราก็รู้สึก เอ ! มันสบายดีนี่
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
http://www.dharma-gateway.com/
ศิษย์มีครู